The wolf หมาป่าที่รัก #5

    

 

ในช่วงที่หิมะโปรยปรายจะมีอะไรดีไปกว่าการซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในช่วงเช้ายามดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นเช่นนี้ ร่างเล็กๆหดตัวเข้าหาตัวเองราวกับความอบอุ่นนั้นไม่เพียงพอเลยซักนิด ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดและลมหายใจที่พ่นเอาควันขาวออกจากโพรงจมูก ดวงตากลมโตค่อยๆปรือขึ้นมองปลายยอดไม้ที่อยู่ห่างออกไป เพิ่งระลึกได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องอย่างเช่นทุกครั้ง เพราะยังมีแสงแดดเริ่มเฉิดฉายรำไรขับไล่ความหนาวเย็นทว่าเธอเองยังเอาแต่ซบหน้าอยู่เนื้อนุ่มของมนุษย์ที่ตะกองกอดให้เธอตกอยู่ใต้อ้อมกอดนี้ พยายามไม่เหลือบมองพื้นดินด้านล่างที่คลุมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติเพราะความสูงของมันมักจะทำให้ความน่าอภิรมย์นี้หมดไป หากว่าตัวเองยังรู้สึกถึงความปลอดภัยเพราะยังมีท่อนแขนเล็กๆแต่แข็งแรงกว่ามนุษย์ห่อหุ้มเอาไว้ นึกขอบคุณหมาป่าที่ช่วยเปลี่ยนช่วงวันหยุดแสนเบื่อให้เธอเองรู้สึกตื่นเต้นแม้มันจะโลดโผนไปหน่อยก็ตามและทั้งหมดนั่นเพราะเขาเป็นคนปลุกกันตั้งแต่ขอบฟ้ายังมืดชักชวนเธอขับรถออกมายังป่าแสนเงียบสงบแห่งนี้

 

“แค่กอดฉันไว้แน่นๆ”

 

เขาไม่มีรอยยิ้มเพียงแต่หันมากระซิบกันแล้วกระชับร่างเธอเอาไว้แนบอก เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้สองแขนกระชับตัวเขาไว้แน่นเช่นกัน สายลมเย็นเริ่มพัดผ่านเส้นผมเกล็ดหิมะบนหญ้าต้นเล็กๆสะท้อนแสงแดดสีส้มทอประกาย และที่เธอจำได้ก็คือความเร็วสุดท้ายก่อนเราจะมาถึงกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อีกคนเปลี่ยตัวเองมาเป็นเบาะขนนุ่มรองรับกันเอาไว้แบบนี้ ดวงตากลมมองเห็นแสงไฟในตัวเมืองพร่างแพรวแข่งกับแสงดาวที่เปล่งแสงอวดตัวเองยามฟ้ายังมืดมิด เธอหันไปมองใบหน้าของคนที่พากันขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้เขา แม้ว่าจะไร้รอยยิ้มตอบกลับมาแต่เธอเองก็รู้ว่าเขากำลังพอใจจึงกล้าแนบศีรษะเข้ากับแก้มแดงๆของเขา หมาป่าตัวอุ่นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเยือกเย็นมากกว่า และเส้นผมของเธอคงจะสร้างความรำคาญให้เขามือยาวๆจึงรวบเอาเรือนผมของเธอไว้ที่ไหล่ซ้ายเพียงด้านเดียว เปิดโอกาศให้เขามีโอกาสดมดอมลำคอของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดเป็นเสียงหัวเราะเมื่อหมามันเปลี่ยนโหมดมาแกล้งกันแต่ก็กลัวว่าความง่วงงุนจะทำให้เธอเองร่วงลงไปกระแทกพื้นด้านล่างการกระทำพวกนั้นจึงหยุดลง

 

“นอนเถอะ ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ตรงนี้ทั้งตัว

บ้า… หมาบ้าอะไรช่างพูดชะมัด แล้วเธอเองก็กำลังลืมตาขึ้นเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์สาดแสงใบหน้าของหมาป่าผู้ที่รู้สึกตัวอยู่เสมอเขาเอาแต่จ้องมองแสงนั้นที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะกระชับอ้อมกอดเหมือนรู้ว่าเธอเองยังต้องการไออุ่น ฮโยมินมองภาพนั้นอยู่เงียบๆไม่ส่งเสียงใดๆปล่อยให้ความเงียบทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเราสงบลง ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอเองรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆธรรมชาติรอบตัวทำให้เธอมองมันว่าความงดงามของโลกใบนี้ยังคงมีให้เห็น

คิดได้แบบนั้นมือเล็กๆจึงกล้าเอื้อมเข้าไปโอบใบหน้างดงามให้เขาหันมาและวูบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองเห็น เห็นความเศร้าหมองที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าของเขาหม่นลง หลายครั้งหลายคราที่เกิดคำถามขึ้นมากมายแต่เป็นเธอเองที่ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามมันออกไปว่าเพราะอะไรเพราะมีเรื่องกวนใจอะไรหรือเปล่าที่ทำให้เขาดูเศร้าสร้อยเช่นนี้ ทว่าเขาก็ก้มลงช้าๆแนบแก้มข้างนั้นเข้าหาความอุ่นจากฝ่ามือของเธอราวกับสุนัขผู้ชอบเอาใจเจ้าของ และความวิจิตรงดงามของหมาป่าในร่างมนุษย์ก็ทำให้หัวใจคนมองเต้นตึกตัก มันพองโตยามที่เขากำลังซึมซับไออุ่นจากมือเล็กๆราวกับว่าไม่อยากตอบคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ก่อนปลายนิ้วของมนุษย์จะไล้บนเปลือกตาเรียวยาวเบาๆเหมือนกลัวว่าเขาจะได้รับความบอบช้ำไปมากกว่านี้

 

“เธอเองก็โกหกฉันไม่ได้เหมือนกัน”

เปลือกตาบนโครงหน้าวิจิตรนั้นค่อยๆปรือขึ้นมองเจ้าของคำพูดตามด้วยรอยยิ้มระบายบนใบหน้า จียอนจับหลังมือเล็กเอาไว้เลื่อนลงและกุมมันเอาไว้เพราะกลัวว่ามือของอีกคนจะเย็นเกินไป หน้าผากโหนกนูนถูกปิดด้วยหมวกไหมพรมช้าๆ ความป่าเถื่อนเยี่ยงนักล่าไม่มีให้เห็นทั้งหมดนั้นฮโยมินคิดถึงแต่คำว่าอ่อนโยนราวกับว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ผู้หญิงแสนโรแมนติกคนนึง แม้นิสัยแท้จริงจะเหมือนเด็กผู้ชายก็ตาม

“แต่ฉันไม่จะถาม จนกว่าเธออยากจะบอกเอง”

“คุณไว้ใจฉันมั้ยคะ”

หัวคิ้วของฮโยมินขมวดเป็นปมเมื่อน้ำเสียงของหมาป่าแปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง ความเรียบตึงของใบหน้าทำให้รู้สึกไม่ดี แม้อ้อมกอดจะกระชับมากขึ้นราวกับต้องการปกป้องเธอจากความชั่วร้ายที่คอยตามติดเราอยู่ห่างๆหากเพียงว่าเธอเองยังมองไม่เห็นมัน

“มีอะไร ที่ฉันควรรู้หรือเปล่า”

“ยังไม่ถึงเวลา ตอบได้แค่ว่ามันยังไม่ใช่เวลานี้ค่ะ”

“จียอน”

“อยู่ใกล้ๆฉัน อย่าไว้ใจใครนอกจากฉัน อย่าให้ไล่ฉันไปไกลจากคุณ”

“ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันมีความสำคัญอะไรกับเธอนักทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรที่คาดไม่ถึงแบบนี้ด้วย”

“อีกไม่นาน  อีกไม่นานคุณจะรู้ทุกอย่าง”

 

หมาป่าพยายามปลอบแม่มนุษย์ผู้เกี้ยวโกรธด้วยฝ่ามือที่ลูบลงบนหัวไหล่เล็ก ใบหน้าบูดบึ้งนึกอึดอัดกับความจริงบางอย่างที่อีกคนก็ไม่สามารถบอกกันออกมาได้ กระฟัดกระเฟียดเร่าๆเหมือนเด็กเอาแต่ใจจนหมาป่าในร่างคนไม่รู้วิธีจัดการกับความดื้อรั้นนั้นยังไง

“ฉันจะลง”

“อยู่ต่ออีกนิดนะคะ”

“พูดไม่เข้าใจหรือยังไง”

“…….”

“พาฉันลงไป”

“ก็ได้ๆ  อย่าดื้อสิคะถ้าเกิดหล่นลงไปจริงๆจะทำยังไง”

“เธอไม่ยอมให้ฉันตกลงไปแน่ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย”

แรงขยับบนกิ่งไม้ทำให้หัวใจของแม่มนุษย์ไหววูบเพียงเพราะแรงกดทับจากร่างกายของเขาที่กำลังเปลี่ยนท่วงท่า จนเธอต้องเผลอกำคอเสื้อเขาเอาไว้ แต่ด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยังไม่สามารถทำให้เธอบอกเขาได้ตามตรงว่าความสูงด้านล่างทำให้รู้สึกหวิวขนาดไหน จนปลายคางถูกเชยให้หันมามองใบหน้ากันตรงๆพร้อมการนำพาสองมือให้คลายออกจากคอเสื้อเปลี่ยนมาคล้องประสานไว้ที่ลำคอกันไว้แทน

“ถ้ากลัวก็มองหน้าฉันเอาไว้ แล้วก็…กอดแน่นๆ”

“เกาะ!”

“เกาะก็เกาะค่ะ”

เรื่องกวนใจถูกพักเอาไว้ราวกับว่าหมาขี้เล่นต้องการแกล้งกันให้สองแก้มเกิดสีแดงๆ ระดับลมหายใจเฉียดฉิวกันไปมาสลับกับภาพเบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นฉากๆ เหมือนกับในหนังไม่มีผิด ติดตรงที่ว่าเรื่องประหลาดใจพวกนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ และมีในบางครั้งที่เขาใช้ความเร็วราวกับว่าถูกไล่ล่าจนเธอเองต้องเกาะเขาไว้แน่นกว่าเดิม

 

กรี๊ด!!!

 

กิ่งไม้ด้านหลังหักกรอบในขณะที่เราสองคนกระโจนข้ามมาถึงอีกฝั่งได้แล้ว หมาป่าหยุดมองพร้อมดวงตากลมโตที่มองตามกิ่งไม้ที่นอนสลบอยู่เบื้องล่างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาคาดโทษ

“ก็คุณ…”

“จะโทษฉันหรือไง”

เจ้าหมายอมให้อีกคนชี้หน้าแล้วกลับมาเริ่มไล่ระดับลงมาจากต้นไม้สูงนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเสียสมาธิแล้วแอบยิ้มในใจสลัดหัววางความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เงียบๆ ไม่ยอมเอ่ยให้อีกคนรู้ว่าเป็นเพราะปลายจมูกเล็กๆที่ฝังลงบนลำคอเนื่องจากความกลัวทำให้เผลอออกแรงกดบนกิ่งไม้นั้นมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง มนุษย์ตัวเล็กผู้ไม่น่ามีอำนาจมากไปกว่าหมาป่าสายพันธุ์หายากแบบเขาสามารถควบคุมทุกอย่างให้ตกอยู่ภายใต้กำมือเล็กๆที่โอบประคองใบหน้ากันเอาไว้สร้างความอบอุ่นให้สมองหมาๆแบบเขาหลงลืมเรื่องกวนใจพวกนั้นได้หมดสิ้น

จนกระทั่งฝ่าเท้าสัมผัสพื้นหญ้าสีเขียวตามด้วยเท้าเล็กๆอีกคู่หนึ่งที่ลอยขึ้นไปอีกครึ่ง พัค จียอนอุ้มอีกคนให้ขึ้นไปอยู่บนไหล่เพราะอีกนานพอควรก่อนเราจะถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอกแม้จะมีเสียงทักท้วงจากคนบนหลังที่ล็อกลำคอไว้แน่นหนา หาไม่ได้สนใจมันมากนักก่อนจะยกเอาเหตุผลบางอย่างมาขู่กันเอาไว้

“แถวนี้งูเยอะ”

“ทำไมต้องเดินช้าๆแบบนี้ เธอใช้ความเร็วไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ พลังใกล้หมดเพราะเพิ่งปีนต้นไม้มะกี้”

“พลังเธอหมดได้ด้วยเหรอ”

ถามออกไปเพราะความอยากรู้พร้อมการชะโงกไปหาจนใบหน้าชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นมนุษย์ผู้ทิฐิมากที่ผละออกจนหมาป่าเป็นฝ่ายเหลียวเสตามามองกันเสียเอง

 

“แล้วทำไมเราต้องเดินเร็วๆด้วยละคะ”

เจอคำถามโต้กลับมาแต่มันทำให้ตัวเองคิดอะไรไม่ออก เพียงแสร้งโกหกกันไปด้วยเรื่องอยากให้ถึงที่พักเร็วๆก็น่าจะจบไปแล้วแต่ความจริงบางอย่างที่ค้ำคอก็ทำให้เธอได้แต่เงียบและกระชับสองแขนให้แน่นมากขึ้น

หมาป่ายิ้มในใจเมื่อร่างบนหลังกระชับกอดกัน ความสุขเล็กๆเกิดขึ้นบนพื้นที่น้อยๆของสองหัวใจที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จนกระทั่งเราเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ร่างเล็กก็กระโจนลงจากแผ่นหลังน่ากอดแทบจะทันที แม้จะได้รับรอยยิ้มจากอีกคนเธอเองไม่ได้สนใจนอกจากการเฉิดฉายเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรูของเขาที่ยังไม่ได้ถามที่มาที่ไปว่ามันได้มันมาได้อย่างไร รถเคลื่อนตัวออกไปท่ามกลางเส้นทางเงียบสงบฮโยมินเพิ่งจะสังเกตุว่าเส้นทางนี้มีพืชพรรณหายากและดูแปลกตาสร้างความเพลิดเพลินให้ตนเองไม่น้อย จนกระทั่งมันลัดเลาะอ้อมหุบเหวลึกจนน่ากลัว หัวใจของมนุษย์ผู้นี้เต้นถี่ราวกับกลัวว่ารถหรูคันนี้จะพาตนพุ่งตกลงไป

“เป็นหรือเปล่าอะไรคะ”

ร่างเล็กสะดุ้งราวกับมือเรียวยาวเป็นของร้อนที่วางนาบบนส่วนเดียวกัน ก่อนจะลืมตามองดูอีกครั้งว่าตอนนี้รถขับเข้ามาถึงตัวเมืองและมันกำลังเลี้ยวเข้าไปซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆแห่งหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบชั้นดี พัค จียอนปลดเข็มขัดให้อีกคนยามที่เขาเองยังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศกลับมืดครึ้มราวกับว่าคนละฤดูกาลที่เวียนมาถึงก่อนร่างเล็กๆจะเดินลงไปพร้อมสายลมที่พัดปลิวเส้นผมจนยุ่งเหยิน เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกกลางออกเมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ฮโยมินหันมองใบหน้าและท่อนแขนที่กลางออกแทนร่มแล้วเริ่มก้าวเข้าไปด้านในเงียบๆ

ล้อรถเข็นเลื่อนตามผู้เลือกสรรเมนูในใจเงียบๆ จนกระทั่งของสดที่จำเป็นต้องใช้ถูกหยิบออกมาจนครบ ดวงตากลมโตหันมองมือขาวๆที่คว้าเอากระป๋องเบียร์จากชั้นบนก่อนจะหยุดลงเมื่อมันถูกวางทับของสดที่เธอตั้งใจเลือกอย่างดี

 

“ชอบกินอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง”

“……”

“หมายถึงหมาป่าชอบดื่มเบียร์ด้วยเหรอ”

ชู่วว…

 

“อะไร”

“ฉันก็เป็นคนนะคะ เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง”

“แล้วก็อายุไม่ถึง”

“ไม่ถึงได้ยังไงกัน ก็คุณเป็นคนจ่าย”

ล้อรถเข็นเลื่อนครึดตรงไปยังจุดชำระเงินสองมือเรียวยาวหยิกสินค้าวางให้พนักงานคิดเงินด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่างจากพนักงานหนุ่มที่แอบจ้องใบหน้าคุณลูกค้าที่กำลังค้นกระเป๋าสตางค์ของตนออกมาจากเสื้อ

“เอ่อ..”

“คนนี้เป็นซื้อ”

“เอ๋”

“ฉันแค่ช่วยหยิบตัง”

ชายหนุ่มหันไปมองก่อนเธอเองจะพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้คุณลูกค้าอีกคนแทนที่จะเป็นเธอ ฮโยมินนึกฉุนคนที่กำลังส่งรอยยิ้มนิดๆเหมือนมนุษย์อัธยาศัยดีให้กับพนักงานหนุ่มหน้าตาดี ก่อนรับเงินทอนแล้วจงใจเดินเข้าไปใกล้ๆ

 

“ที่รักเอากระเป๋าตังของคุณมาสิคะ”

ชายหนุ่มตัวสูงหันไปมองคุณลูกค้าที่กำลังงงงวยกับสรรพนามแปลกหูเมื่อมือเล็กไล่ระดับตั้งแต่กลางอกลงมากระเป๋าตังที่ซ่อนอยู่ตรงเสื้อด้านใน ฮโยมินหันไปฉีกยิ้มให้หนุ่มพนักงานแล้วเดินนำหน้าคนถือของที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆออกมาจนถึงรถ ข้าวของถูกวางไว้ตรงเบาะหลังก่อนหมาป่าจะกลับมาทำหน้าที่คนขับอีกครั้งแล้วกระเป๋าสตางค์ก็ถูกโยนออกไปตรงหน้าตามด้วยท่ากอดอกอย่างไม่สบอารมณ์

“หิวข้าวหรือคะ”

“รีบๆกลับกันเถอะ”

หมาป่าออกรถแทบจะทันทีในขณะที่มนุษย์ตัวเล็กๆกำลังเหม่อมองแสงอาทิตย์ที่ลามเลียตึกรามบ้านช่องระงับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาถึงที่พัก จียอนจัดการขนของพวกนั้นแล้วรีบสาวเท้าเดินตามคุณผู้หญิงที่มอบบทบาทคนรับใช้มาให้ รอให้ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปถึงห้องเดินตามอีกคนเมื่อถึงก็วางของทั้งหมดไว้ในส่วนของเคาเตอร์ห้องครัว รีบรินน้ำใส่แก้วเดินมาหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อคลุมแขวนไว้ ยิ้มนิดๆเมื่ออีกคนยอมยกมันขึ้นดื่มก่อนมันจะพุ่งออกมาจากปากเมื่อตัวเองได้พูดบางอย่างออกไป

“ถ้าเจอคราวหน้า ฉันจะบอกกับพนักงานคนนั้นว่า เจ้านั่นของฉันใหญ่กว่าของเขาเสียอีกคุณจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย”

 

แค่ก  แค่ก  แค่กๆๆ

 

ฮโยมินหน้าดำหน้าแดงเพราะทั้งคำพูดและทั้งเพราะน้ำเย็นจากแก้วในมือเป็นเหตุให้หมาป่ารีบลูบหลังกันเบาๆพร้อมหยิบแก้วน้ำออกไปจากมือเธอ

“เป็นยังไงบ้างคะ”

“แค่ก แค่ก”

“โอเคนะคะ”

พยักหน้าแทนคำตอบแล้วปรับจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเดินอ้อมไปยังวัตถุดิบจัดการคัดเลือกด้วยสายตาแล้วหันไปล้างมือ หยิบผ้ากันเปื้อนสวมใส่เอื้อมมือจะมัดเชือกหากว่ามีมือยาวๆเสนอสอดเข้ามาช่วยกันจนต้องพ่นลมหายใจออกมา

“ทำไมคะ ยังโกรธอยู่เหรอ”

“ฉันจะโกรธทำไม”

“อะ อ่าว”

“แล้วอย่าพูดถึงเจ้านั่นอีกได้มั้ย ฉันพยามคิดมาตลอดว่าฉันกำลังอยู่เด็กผู้หญิง กินนอนไปเที่ยวแชร์ห้องนี้กับผู้หญิง”

 

หมาป่าพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันมาช่วยล้างผักช่วยแกะซองตัดนี่ตั้งหม้อเล็กๆน้อยๆนั่นจนเสร็จ ในแบบที่พวกมนุษย์มีน้ำใจช่วยเหลือกัน จนกระทั่งถูกไล่ไปอาบน้ำชำระกายที่กระโจนไปนั่นมานี่จนเหงื่อออก แม้กลิ่นตัวเขาจะยังหอมแต่เธอก็ต้องจำใจไล่เขาออกไปดีกว่าปล่อยเขาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆคงไม่เป็นตาทำอะไรแน่ๆ

เวลาผ่านไปซักพักจนกระทั่งมื้อเช้าเสร็จสิ้น ประจวบกับที่หมาป่าสาวเดินออกมาพร้อมกลิ่มหอมฟุ้งจากผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันกับเธอ ฮโยมินจึงมอบหน้าที่จัดโต๊ะแลกเปลี่ยนกับเธอจะเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อยเพราะกลิ่นอาหาร  ร่างบอบบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำระหว่างนั้นก็นึกถึงแววตาใสซื่อในตอนที่ที่เอาแต่พูดถึงอาวุธที่ตนเองก๋็มีไม่ต่างชายหนุ่มมนุษย์ทั่วไป ขำคิกกับความไร้เดียงสาก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

“เสร็จหรือยังคะ หิวแล้ว”

ตะโกนตอบกลับไปก่อนจะรีบใส่เสื้อคลุมเดินออกมาประทินผิวอยู่ชั่วครู่แล้วผมเผ้าถูกรวบต่ำเอาไว้ก่อนจะเยื้องย่างออกไปด้านนอกทว่ากลับไม่พบหมาป่าสาวอย่างทีี่คิดหากว่าเห็นม่านสีขาวถูกแยกออกทิ้งไว้  เท้าเปล่าเดินออกไปตามบานกระจกที่เปิดออกก่อนจะพบกับเด็กสาวที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับมุมแก้วกาแฟที่จัดวางอย่างตั้งใจบนจานรอง

 

“ใช้ได้นี่”

หมาป่าสาวก้าวเข้ามาหาแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้กันจนเธอต้องจำยอมในความบริการของเขา มื้อแรกของวันดำเนินไปอย่างเรียบง่ายภายใต้ความเว่อร์วังของอีกคนที่ตั้งใจจัดโต๊ะอาหารให้ออกมาดูดีรับกับช่วงเช้าที่แสนอบอุ่นแบบนี้  เราทานอาหารเงียบๆจนกระทั่งเริ่มหนักท้อง ตามด้วยน้ำส้มถูกยกขึ้นดื่มตามผลไม้สองสามชิ้น จากนั้นหมาป่าก็อาสาเก็บของทั้งหมดและมันกำลังเกิดคำถามว่าจะจัดให้มากความแต่แรกทำไม

“เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปนั่งด้านในเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”

ฮโยมินถูกห้ามเอาไว้แม้จะเสนอว่าให้ช่วยกันเก็บแต่ก็ไม่เป็นผล หมาป่าสาวบอกให้เธอเข้าไปเลือกหนังที่กองบนโต๊ะไว้รอก่อนจะใช้ความสามารถส่วนตัวหยิบนี่เก็บนั่นอย่างรวดเร็วแล้วมันก็เสร็จสิ้นลงอย่างง่ายดาย จียอนหยิบขวดน้ำยกดื่มเกือบหมดขวดแล้วเล็งเห็นไวน์แดงในตู้ก่อนจะตั้งใจรินไว้แล้วยกไปเสริ์ฟคุณผู้หญิงที่นั่งเปลี่ยนช่องทีวีแทนการเลือกหนังเรื่องโปรดที่เรียงรายกันบนโต๊ะ

“ดื่มอะไรตอนนี้”

“สร้างบรรยากาศ”

“บรรยากาศบ้าบออะไรเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ”

 

พรึ่บ

ฮโยมินตกใจไม่น้อยกับความสามารถอันน่าทึ่งของหมาป่าสาวเมื่อหลอดไฟดับลงและเปลี่ยนเป็นแสงสลัวทดแทนพร้อมหนังที่เริ่มฉายบนจอราวกับนี่เป็นโรงหนังในบ้านของพวกคนรวยๆที่เขามีไว้ให้แขกอิจฉาเล่นๆ ไม่นานนักก็หันกลับมาหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กำลังภูมิใจกับความสามารถของตน

“เธอทำได้ยังไง”

“แค่บางครั้งนะค่ะ”

แล้วหันกับมาสนใจหนังบนจอและแทบจะกดปิดมันทันทีเมื่อหนังเรทผู้ใหญ่ที่มักใช่ความรุนแรงถูกเลือกให้เฉิดฉายบนจอ แม้พระเอกจะหน้าตาหล่อเหล่าแต่รสนิยมที่เขาได้รับในบทนำทำให้เธออยากหยิกหมาข้างๆจนมันต้องร้องโอดโอยสุดท้ายก็ครางหงิงๆแล้วงอตัวเข้าหากันราวกับว่ารู้สึกผิดแต่มันก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องใหม่อยู่ดี

นานเข้า…ความง่วนงุนเข้าครอบงำทีละน้อยเพราะเนื้อเรื่องในตอนแรกดูน่าเบื่อไม่สมคำร่ำลือเหมือนตอนที่ผู้อ่านได้รับการถ่ายทอดฉากเหล่านั้นออกมาเป็นตัวหนังสือทว่ามันก็ไม้ได้น่าเบื่อทั้งหมดเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงท้ายๆ เสียงของความทรมานของนางเอกแผ่ซ่านเข้ามาทำให้คนดูมันมาตั้งแต่แรกไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ แม้จะรู้สึกถึงเจ้าหมาที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองฉากเหล่านั้นด้วยกัน

 

เพี๊ยะ!

 

ร่างเล็กๆสะดุ้งเมื่อพระเอกกำลังระเลงความปวดร้าวให้กับร่างกายบอบบางของนางเอกที่ถูกตรึงเอาไว้ ก่อนจะสะดุ้งจริงๆเมื่อเจ้าหมาดึงกันเข้าไปอยู่อ้อมกอด ราวกับจะทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับอิสตรีผู้มีเรือนร่างที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมอย่างละน้อยเขาก็คนนึงละที่ไม่คิดจะสวมบมบาทนั้นและใช้มันตอบสนองความต้องการของตนเอง

 

กรี๊ด!!!

 

เสียงหวีดร้องของคนถูกทรมานทำให้สองแขนตวัดรวบตัวให้หันมามองตา ทุกอย่างเงียบลงแม้กระทั่งเสียงของภาพยนต์มันคงเหลือแค่ภาพที่แล่นเรื่องดำเนินต่อไปเงียบๆ จวบจนปลายนิ้วไล้ลงบนหลังมือของคุณผู้ชมที่กำลังอินอยู่กับเนื้อเรื่อง

“พอแค่นี้เถอะค่ะ”

ทุกอย่างยังเงียบต่างหากเสียงหัวใจที่ตึกตักจนกระทั่งฝ่ามืออุ่นกอบกุมฝ่ามือเย็นเฉียบจนหมาป่าสาวรู้สึกเอ็นดูผู้แก่กว่าตนที่กลับอ่อนหัดกับเรื่องราวในหนัง แต่ว่ารอยยิ้มปลอบประโลมค่อยๆเลือนหายจากใบหน้างดงามของหมาป่าเมื่อสายตาของอีกคนเอาแต่จดจ้องกันไม่ละไปไหนก่อนจะรู้สึกถึงกระชับราวกับเป็นคำร้องขอเพื่อต้องการที่จะฟังคำตอบอย่างที่ตัวเองต้องการเพียงเท่านั้น

“เธอไม่โหดร้ายและเป็นคนดีในแบบที่ฉันเข้าใจมาตั้งแต่แรก”

“……”

“เธอไม่ได้เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์เหมือนกับในนิทานหลอกเด็ก เธอจริงใจและไม่ได้กำลังหลอกใช้ฉันใช่มั้ย พัค จียอน”

 

 

 

TBC.

ปมยังมีอีกเยอะจะค่อยๆคลายทีละขั้นตอนแรกกะแค่ 10 ตอนแต่ดูแล้วน่าจะมากกว่านั้น

และแนวนี้มันไม่ค่อยถนัดเลยเขียนยากไปหน่อย -…-

ไม่หายค่ะ แค่มาช้า ฝากติดตามด้วยนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

6 thoughts on “The wolf หมาป่าที่รัก #5

  1. ตอนนี้ทั้งติด และรอตามอย่างใจจดจ่อ เลย พาทนี้มีบทหึงด้วยอะชอบ น่ารักดี แต่พอเห็นความซื่อบวกกวนประสาทของเจ้าหมาแล้วก็ขำ ลึกลับมีปมแบบนี้ อย่าดราม่าเยอะนะคะ

  2. เจ้าหมาหึงได้น่ารักมากค่ะ 555555 ดูซื่อๆ แต่หนังที่เอามาดูนี่…. ยังติดตามไรท์เสมอ ทุกเรื่องเลยค่ะ สู้ๆนะคะ 😚

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.