The wolf หมาป่าที่รัก #5

    

 

ในช่วงที่หิมะโปรยปรายจะมีอะไรดีไปกว่าการซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในช่วงเช้ายามดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นเช่นนี้ ร่างเล็กๆหดตัวเข้าหาตัวเองราวกับความอบอุ่นนั้นไม่เพียงพอเลยซักนิด ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดและลมหายใจที่พ่นเอาควันขาวออกจากโพรงจมูก ดวงตากลมโตค่อยๆปรือขึ้นมองปลายยอดไม้ที่อยู่ห่างออกไป เพิ่งระลึกได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องอย่างเช่นทุกครั้ง เพราะยังมีแสงแดดเริ่มเฉิดฉายรำไรขับไล่ความหนาวเย็นทว่าเธอเองยังเอาแต่ซบหน้าอยู่เนื้อนุ่มของมนุษย์ที่ตะกองกอดให้เธอตกอยู่ใต้อ้อมกอดนี้ พยายามไม่เหลือบมองพื้นดินด้านล่างที่คลุมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติเพราะความสูงของมันมักจะทำให้ความน่าอภิรมย์นี้หมดไป หากว่าตัวเองยังรู้สึกถึงความปลอดภัยเพราะยังมีท่อนแขนเล็กๆแต่แข็งแรงกว่ามนุษย์ห่อหุ้มเอาไว้ นึกขอบคุณหมาป่าที่ช่วยเปลี่ยนช่วงวันหยุดแสนเบื่อให้เธอเองรู้สึกตื่นเต้นแม้มันจะโลดโผนไปหน่อยก็ตามและทั้งหมดนั่นเพราะเขาเป็นคนปลุกกันตั้งแต่ขอบฟ้ายังมืดชักชวนเธอขับรถออกมายังป่าแสนเงียบสงบแห่งนี้

 

“แค่กอดฉันไว้แน่นๆ”

 

เขาไม่มีรอยยิ้มเพียงแต่หันมากระซิบกันแล้วกระชับร่างเธอเอาไว้แนบอก เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้สองแขนกระชับตัวเขาไว้แน่นเช่นกัน สายลมเย็นเริ่มพัดผ่านเส้นผมเกล็ดหิมะบนหญ้าต้นเล็กๆสะท้อนแสงแดดสีส้มทอประกาย และที่เธอจำได้ก็คือความเร็วสุดท้ายก่อนเราจะมาถึงกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อีกคนเปลี่ยตัวเองมาเป็นเบาะขนนุ่มรองรับกันเอาไว้แบบนี้ ดวงตากลมมองเห็นแสงไฟในตัวเมืองพร่างแพรวแข่งกับแสงดาวที่เปล่งแสงอวดตัวเองยามฟ้ายังมืดมิด เธอหันไปมองใบหน้าของคนที่พากันขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้เขา แม้ว่าจะไร้รอยยิ้มตอบกลับมาแต่เธอเองก็รู้ว่าเขากำลังพอใจจึงกล้าแนบศีรษะเข้ากับแก้มแดงๆของเขา หมาป่าตัวอุ่นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเยือกเย็นมากกว่า และเส้นผมของเธอคงจะสร้างความรำคาญให้เขามือยาวๆจึงรวบเอาเรือนผมของเธอไว้ที่ไหล่ซ้ายเพียงด้านเดียว เปิดโอกาศให้เขามีโอกาสดมดอมลำคอของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดเป็นเสียงหัวเราะเมื่อหมามันเปลี่ยนโหมดมาแกล้งกันแต่ก็กลัวว่าความง่วงงุนจะทำให้เธอเองร่วงลงไปกระแทกพื้นด้านล่างการกระทำพวกนั้นจึงหยุดลง

 

“นอนเถอะ ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ตรงนี้ทั้งตัว

บ้า… หมาบ้าอะไรช่างพูดชะมัด แล้วเธอเองก็กำลังลืมตาขึ้นเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์สาดแสงใบหน้าของหมาป่าผู้ที่รู้สึกตัวอยู่เสมอเขาเอาแต่จ้องมองแสงนั้นที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะกระชับอ้อมกอดเหมือนรู้ว่าเธอเองยังต้องการไออุ่น ฮโยมินมองภาพนั้นอยู่เงียบๆไม่ส่งเสียงใดๆปล่อยให้ความเงียบทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเราสงบลง ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอเองรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆธรรมชาติรอบตัวทำให้เธอมองมันว่าความงดงามของโลกใบนี้ยังคงมีให้เห็น

คิดได้แบบนั้นมือเล็กๆจึงกล้าเอื้อมเข้าไปโอบใบหน้างดงามให้เขาหันมาและวูบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองเห็น เห็นความเศร้าหมองที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าของเขาหม่นลง หลายครั้งหลายคราที่เกิดคำถามขึ้นมากมายแต่เป็นเธอเองที่ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามมันออกไปว่าเพราะอะไรเพราะมีเรื่องกวนใจอะไรหรือเปล่าที่ทำให้เขาดูเศร้าสร้อยเช่นนี้ ทว่าเขาก็ก้มลงช้าๆแนบแก้มข้างนั้นเข้าหาความอุ่นจากฝ่ามือของเธอราวกับสุนัขผู้ชอบเอาใจเจ้าของ และความวิจิตรงดงามของหมาป่าในร่างมนุษย์ก็ทำให้หัวใจคนมองเต้นตึกตัก มันพองโตยามที่เขากำลังซึมซับไออุ่นจากมือเล็กๆราวกับว่าไม่อยากตอบคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ก่อนปลายนิ้วของมนุษย์จะไล้บนเปลือกตาเรียวยาวเบาๆเหมือนกลัวว่าเขาจะได้รับความบอบช้ำไปมากกว่านี้

 

“เธอเองก็โกหกฉันไม่ได้เหมือนกัน”

เปลือกตาบนโครงหน้าวิจิตรนั้นค่อยๆปรือขึ้นมองเจ้าของคำพูดตามด้วยรอยยิ้มระบายบนใบหน้า จียอนจับหลังมือเล็กเอาไว้เลื่อนลงและกุมมันเอาไว้เพราะกลัวว่ามือของอีกคนจะเย็นเกินไป หน้าผากโหนกนูนถูกปิดด้วยหมวกไหมพรมช้าๆ ความป่าเถื่อนเยี่ยงนักล่าไม่มีให้เห็นทั้งหมดนั้นฮโยมินคิดถึงแต่คำว่าอ่อนโยนราวกับว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ผู้หญิงแสนโรแมนติกคนนึง แม้นิสัยแท้จริงจะเหมือนเด็กผู้ชายก็ตาม

“แต่ฉันไม่จะถาม จนกว่าเธออยากจะบอกเอง”

“คุณไว้ใจฉันมั้ยคะ”

หัวคิ้วของฮโยมินขมวดเป็นปมเมื่อน้ำเสียงของหมาป่าแปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง ความเรียบตึงของใบหน้าทำให้รู้สึกไม่ดี แม้อ้อมกอดจะกระชับมากขึ้นราวกับต้องการปกป้องเธอจากความชั่วร้ายที่คอยตามติดเราอยู่ห่างๆหากเพียงว่าเธอเองยังมองไม่เห็นมัน

“มีอะไร ที่ฉันควรรู้หรือเปล่า”

“ยังไม่ถึงเวลา ตอบได้แค่ว่ามันยังไม่ใช่เวลานี้ค่ะ”

“จียอน”

“อยู่ใกล้ๆฉัน อย่าไว้ใจใครนอกจากฉัน อย่าให้ไล่ฉันไปไกลจากคุณ”

“ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันมีความสำคัญอะไรกับเธอนักทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรที่คาดไม่ถึงแบบนี้ด้วย”

“อีกไม่นาน  อีกไม่นานคุณจะรู้ทุกอย่าง”

 

หมาป่าพยายามปลอบแม่มนุษย์ผู้เกี้ยวโกรธด้วยฝ่ามือที่ลูบลงบนหัวไหล่เล็ก ใบหน้าบูดบึ้งนึกอึดอัดกับความจริงบางอย่างที่อีกคนก็ไม่สามารถบอกกันออกมาได้ กระฟัดกระเฟียดเร่าๆเหมือนเด็กเอาแต่ใจจนหมาป่าในร่างคนไม่รู้วิธีจัดการกับความดื้อรั้นนั้นยังไง

“ฉันจะลง”

“อยู่ต่ออีกนิดนะคะ”

“พูดไม่เข้าใจหรือยังไง”

“…….”

“พาฉันลงไป”

“ก็ได้ๆ  อย่าดื้อสิคะถ้าเกิดหล่นลงไปจริงๆจะทำยังไง”

“เธอไม่ยอมให้ฉันตกลงไปแน่ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย”

แรงขยับบนกิ่งไม้ทำให้หัวใจของแม่มนุษย์ไหววูบเพียงเพราะแรงกดทับจากร่างกายของเขาที่กำลังเปลี่ยนท่วงท่า จนเธอต้องเผลอกำคอเสื้อเขาเอาไว้ แต่ด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยังไม่สามารถทำให้เธอบอกเขาได้ตามตรงว่าความสูงด้านล่างทำให้รู้สึกหวิวขนาดไหน จนปลายคางถูกเชยให้หันมามองใบหน้ากันตรงๆพร้อมการนำพาสองมือให้คลายออกจากคอเสื้อเปลี่ยนมาคล้องประสานไว้ที่ลำคอกันไว้แทน

“ถ้ากลัวก็มองหน้าฉันเอาไว้ แล้วก็…กอดแน่นๆ”

“เกาะ!”

“เกาะก็เกาะค่ะ”

เรื่องกวนใจถูกพักเอาไว้ราวกับว่าหมาขี้เล่นต้องการแกล้งกันให้สองแก้มเกิดสีแดงๆ ระดับลมหายใจเฉียดฉิวกันไปมาสลับกับภาพเบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นฉากๆ เหมือนกับในหนังไม่มีผิด ติดตรงที่ว่าเรื่องประหลาดใจพวกนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ และมีในบางครั้งที่เขาใช้ความเร็วราวกับว่าถูกไล่ล่าจนเธอเองต้องเกาะเขาไว้แน่นกว่าเดิม

 

กรี๊ด!!!

 

กิ่งไม้ด้านหลังหักกรอบในขณะที่เราสองคนกระโจนข้ามมาถึงอีกฝั่งได้แล้ว หมาป่าหยุดมองพร้อมดวงตากลมโตที่มองตามกิ่งไม้ที่นอนสลบอยู่เบื้องล่างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาคาดโทษ

“ก็คุณ…”

“จะโทษฉันหรือไง”

เจ้าหมายอมให้อีกคนชี้หน้าแล้วกลับมาเริ่มไล่ระดับลงมาจากต้นไม้สูงนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเสียสมาธิแล้วแอบยิ้มในใจสลัดหัววางความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เงียบๆ ไม่ยอมเอ่ยให้อีกคนรู้ว่าเป็นเพราะปลายจมูกเล็กๆที่ฝังลงบนลำคอเนื่องจากความกลัวทำให้เผลอออกแรงกดบนกิ่งไม้นั้นมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง มนุษย์ตัวเล็กผู้ไม่น่ามีอำนาจมากไปกว่าหมาป่าสายพันธุ์หายากแบบเขาสามารถควบคุมทุกอย่างให้ตกอยู่ภายใต้กำมือเล็กๆที่โอบประคองใบหน้ากันเอาไว้สร้างความอบอุ่นให้สมองหมาๆแบบเขาหลงลืมเรื่องกวนใจพวกนั้นได้หมดสิ้น

จนกระทั่งฝ่าเท้าสัมผัสพื้นหญ้าสีเขียวตามด้วยเท้าเล็กๆอีกคู่หนึ่งที่ลอยขึ้นไปอีกครึ่ง พัค จียอนอุ้มอีกคนให้ขึ้นไปอยู่บนไหล่เพราะอีกนานพอควรก่อนเราจะถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอกแม้จะมีเสียงทักท้วงจากคนบนหลังที่ล็อกลำคอไว้แน่นหนา หาไม่ได้สนใจมันมากนักก่อนจะยกเอาเหตุผลบางอย่างมาขู่กันเอาไว้

“แถวนี้งูเยอะ”

“ทำไมต้องเดินช้าๆแบบนี้ เธอใช้ความเร็วไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ พลังใกล้หมดเพราะเพิ่งปีนต้นไม้มะกี้”

“พลังเธอหมดได้ด้วยเหรอ”

ถามออกไปเพราะความอยากรู้พร้อมการชะโงกไปหาจนใบหน้าชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นมนุษย์ผู้ทิฐิมากที่ผละออกจนหมาป่าเป็นฝ่ายเหลียวเสตามามองกันเสียเอง

 

“แล้วทำไมเราต้องเดินเร็วๆด้วยละคะ”

เจอคำถามโต้กลับมาแต่มันทำให้ตัวเองคิดอะไรไม่ออก เพียงแสร้งโกหกกันไปด้วยเรื่องอยากให้ถึงที่พักเร็วๆก็น่าจะจบไปแล้วแต่ความจริงบางอย่างที่ค้ำคอก็ทำให้เธอได้แต่เงียบและกระชับสองแขนให้แน่นมากขึ้น

หมาป่ายิ้มในใจเมื่อร่างบนหลังกระชับกอดกัน ความสุขเล็กๆเกิดขึ้นบนพื้นที่น้อยๆของสองหัวใจที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จนกระทั่งเราเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ร่างเล็กก็กระโจนลงจากแผ่นหลังน่ากอดแทบจะทันที แม้จะได้รับรอยยิ้มจากอีกคนเธอเองไม่ได้สนใจนอกจากการเฉิดฉายเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรูของเขาที่ยังไม่ได้ถามที่มาที่ไปว่ามันได้มันมาได้อย่างไร รถเคลื่อนตัวออกไปท่ามกลางเส้นทางเงียบสงบฮโยมินเพิ่งจะสังเกตุว่าเส้นทางนี้มีพืชพรรณหายากและดูแปลกตาสร้างความเพลิดเพลินให้ตนเองไม่น้อย จนกระทั่งมันลัดเลาะอ้อมหุบเหวลึกจนน่ากลัว หัวใจของมนุษย์ผู้นี้เต้นถี่ราวกับกลัวว่ารถหรูคันนี้จะพาตนพุ่งตกลงไป

“เป็นหรือเปล่าอะไรคะ”

ร่างเล็กสะดุ้งราวกับมือเรียวยาวเป็นของร้อนที่วางนาบบนส่วนเดียวกัน ก่อนจะลืมตามองดูอีกครั้งว่าตอนนี้รถขับเข้ามาถึงตัวเมืองและมันกำลังเลี้ยวเข้าไปซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆแห่งหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบชั้นดี พัค จียอนปลดเข็มขัดให้อีกคนยามที่เขาเองยังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศกลับมืดครึ้มราวกับว่าคนละฤดูกาลที่เวียนมาถึงก่อนร่างเล็กๆจะเดินลงไปพร้อมสายลมที่พัดปลิวเส้นผมจนยุ่งเหยิน เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกกลางออกเมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ฮโยมินหันมองใบหน้าและท่อนแขนที่กลางออกแทนร่มแล้วเริ่มก้าวเข้าไปด้านในเงียบๆ

ล้อรถเข็นเลื่อนตามผู้เลือกสรรเมนูในใจเงียบๆ จนกระทั่งของสดที่จำเป็นต้องใช้ถูกหยิบออกมาจนครบ ดวงตากลมโตหันมองมือขาวๆที่คว้าเอากระป๋องเบียร์จากชั้นบนก่อนจะหยุดลงเมื่อมันถูกวางทับของสดที่เธอตั้งใจเลือกอย่างดี

 

“ชอบกินอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง”

“……”

“หมายถึงหมาป่าชอบดื่มเบียร์ด้วยเหรอ”

ชู่วว…

 

“อะไร”

“ฉันก็เป็นคนนะคะ เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง”

“แล้วก็อายุไม่ถึง”

“ไม่ถึงได้ยังไงกัน ก็คุณเป็นคนจ่าย”

ล้อรถเข็นเลื่อนครึดตรงไปยังจุดชำระเงินสองมือเรียวยาวหยิกสินค้าวางให้พนักงานคิดเงินด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่างจากพนักงานหนุ่มที่แอบจ้องใบหน้าคุณลูกค้าที่กำลังค้นกระเป๋าสตางค์ของตนออกมาจากเสื้อ

“เอ่อ..”

“คนนี้เป็นซื้อ”

“เอ๋”

“ฉันแค่ช่วยหยิบตัง”

ชายหนุ่มหันไปมองก่อนเธอเองจะพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้คุณลูกค้าอีกคนแทนที่จะเป็นเธอ ฮโยมินนึกฉุนคนที่กำลังส่งรอยยิ้มนิดๆเหมือนมนุษย์อัธยาศัยดีให้กับพนักงานหนุ่มหน้าตาดี ก่อนรับเงินทอนแล้วจงใจเดินเข้าไปใกล้ๆ

 

“ที่รักเอากระเป๋าตังของคุณมาสิคะ”

ชายหนุ่มตัวสูงหันไปมองคุณลูกค้าที่กำลังงงงวยกับสรรพนามแปลกหูเมื่อมือเล็กไล่ระดับตั้งแต่กลางอกลงมากระเป๋าตังที่ซ่อนอยู่ตรงเสื้อด้านใน ฮโยมินหันไปฉีกยิ้มให้หนุ่มพนักงานแล้วเดินนำหน้าคนถือของที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆออกมาจนถึงรถ ข้าวของถูกวางไว้ตรงเบาะหลังก่อนหมาป่าจะกลับมาทำหน้าที่คนขับอีกครั้งแล้วกระเป๋าสตางค์ก็ถูกโยนออกไปตรงหน้าตามด้วยท่ากอดอกอย่างไม่สบอารมณ์

“หิวข้าวหรือคะ”

“รีบๆกลับกันเถอะ”

หมาป่าออกรถแทบจะทันทีในขณะที่มนุษย์ตัวเล็กๆกำลังเหม่อมองแสงอาทิตย์ที่ลามเลียตึกรามบ้านช่องระงับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาถึงที่พัก จียอนจัดการขนของพวกนั้นแล้วรีบสาวเท้าเดินตามคุณผู้หญิงที่มอบบทบาทคนรับใช้มาให้ รอให้ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปถึงห้องเดินตามอีกคนเมื่อถึงก็วางของทั้งหมดไว้ในส่วนของเคาเตอร์ห้องครัว รีบรินน้ำใส่แก้วเดินมาหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อคลุมแขวนไว้ ยิ้มนิดๆเมื่ออีกคนยอมยกมันขึ้นดื่มก่อนมันจะพุ่งออกมาจากปากเมื่อตัวเองได้พูดบางอย่างออกไป

“ถ้าเจอคราวหน้า ฉันจะบอกกับพนักงานคนนั้นว่า เจ้านั่นของฉันใหญ่กว่าของเขาเสียอีกคุณจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย”

 

แค่ก  แค่ก  แค่กๆๆ

 

ฮโยมินหน้าดำหน้าแดงเพราะทั้งคำพูดและทั้งเพราะน้ำเย็นจากแก้วในมือเป็นเหตุให้หมาป่ารีบลูบหลังกันเบาๆพร้อมหยิบแก้วน้ำออกไปจากมือเธอ

“เป็นยังไงบ้างคะ”

“แค่ก แค่ก”

“โอเคนะคะ”

พยักหน้าแทนคำตอบแล้วปรับจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเดินอ้อมไปยังวัตถุดิบจัดการคัดเลือกด้วยสายตาแล้วหันไปล้างมือ หยิบผ้ากันเปื้อนสวมใส่เอื้อมมือจะมัดเชือกหากว่ามีมือยาวๆเสนอสอดเข้ามาช่วยกันจนต้องพ่นลมหายใจออกมา

“ทำไมคะ ยังโกรธอยู่เหรอ”

“ฉันจะโกรธทำไม”

“อะ อ่าว”

“แล้วอย่าพูดถึงเจ้านั่นอีกได้มั้ย ฉันพยามคิดมาตลอดว่าฉันกำลังอยู่เด็กผู้หญิง กินนอนไปเที่ยวแชร์ห้องนี้กับผู้หญิง”

 

หมาป่าพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันมาช่วยล้างผักช่วยแกะซองตัดนี่ตั้งหม้อเล็กๆน้อยๆนั่นจนเสร็จ ในแบบที่พวกมนุษย์มีน้ำใจช่วยเหลือกัน จนกระทั่งถูกไล่ไปอาบน้ำชำระกายที่กระโจนไปนั่นมานี่จนเหงื่อออก แม้กลิ่นตัวเขาจะยังหอมแต่เธอก็ต้องจำใจไล่เขาออกไปดีกว่าปล่อยเขาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆคงไม่เป็นตาทำอะไรแน่ๆ

เวลาผ่านไปซักพักจนกระทั่งมื้อเช้าเสร็จสิ้น ประจวบกับที่หมาป่าสาวเดินออกมาพร้อมกลิ่มหอมฟุ้งจากผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันกับเธอ ฮโยมินจึงมอบหน้าที่จัดโต๊ะแลกเปลี่ยนกับเธอจะเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อยเพราะกลิ่นอาหาร  ร่างบอบบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำระหว่างนั้นก็นึกถึงแววตาใสซื่อในตอนที่ที่เอาแต่พูดถึงอาวุธที่ตนเองก๋็มีไม่ต่างชายหนุ่มมนุษย์ทั่วไป ขำคิกกับความไร้เดียงสาก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

“เสร็จหรือยังคะ หิวแล้ว”

ตะโกนตอบกลับไปก่อนจะรีบใส่เสื้อคลุมเดินออกมาประทินผิวอยู่ชั่วครู่แล้วผมเผ้าถูกรวบต่ำเอาไว้ก่อนจะเยื้องย่างออกไปด้านนอกทว่ากลับไม่พบหมาป่าสาวอย่างทีี่คิดหากว่าเห็นม่านสีขาวถูกแยกออกทิ้งไว้  เท้าเปล่าเดินออกไปตามบานกระจกที่เปิดออกก่อนจะพบกับเด็กสาวที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับมุมแก้วกาแฟที่จัดวางอย่างตั้งใจบนจานรอง

 

“ใช้ได้นี่”

หมาป่าสาวก้าวเข้ามาหาแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้กันจนเธอต้องจำยอมในความบริการของเขา มื้อแรกของวันดำเนินไปอย่างเรียบง่ายภายใต้ความเว่อร์วังของอีกคนที่ตั้งใจจัดโต๊ะอาหารให้ออกมาดูดีรับกับช่วงเช้าที่แสนอบอุ่นแบบนี้  เราทานอาหารเงียบๆจนกระทั่งเริ่มหนักท้อง ตามด้วยน้ำส้มถูกยกขึ้นดื่มตามผลไม้สองสามชิ้น จากนั้นหมาป่าก็อาสาเก็บของทั้งหมดและมันกำลังเกิดคำถามว่าจะจัดให้มากความแต่แรกทำไม

“เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปนั่งด้านในเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”

ฮโยมินถูกห้ามเอาไว้แม้จะเสนอว่าให้ช่วยกันเก็บแต่ก็ไม่เป็นผล หมาป่าสาวบอกให้เธอเข้าไปเลือกหนังที่กองบนโต๊ะไว้รอก่อนจะใช้ความสามารถส่วนตัวหยิบนี่เก็บนั่นอย่างรวดเร็วแล้วมันก็เสร็จสิ้นลงอย่างง่ายดาย จียอนหยิบขวดน้ำยกดื่มเกือบหมดขวดแล้วเล็งเห็นไวน์แดงในตู้ก่อนจะตั้งใจรินไว้แล้วยกไปเสริ์ฟคุณผู้หญิงที่นั่งเปลี่ยนช่องทีวีแทนการเลือกหนังเรื่องโปรดที่เรียงรายกันบนโต๊ะ

“ดื่มอะไรตอนนี้”

“สร้างบรรยากาศ”

“บรรยากาศบ้าบออะไรเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ”

 

พรึ่บ

ฮโยมินตกใจไม่น้อยกับความสามารถอันน่าทึ่งของหมาป่าสาวเมื่อหลอดไฟดับลงและเปลี่ยนเป็นแสงสลัวทดแทนพร้อมหนังที่เริ่มฉายบนจอราวกับนี่เป็นโรงหนังในบ้านของพวกคนรวยๆที่เขามีไว้ให้แขกอิจฉาเล่นๆ ไม่นานนักก็หันกลับมาหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กำลังภูมิใจกับความสามารถของตน

“เธอทำได้ยังไง”

“แค่บางครั้งนะค่ะ”

แล้วหันกับมาสนใจหนังบนจอและแทบจะกดปิดมันทันทีเมื่อหนังเรทผู้ใหญ่ที่มักใช่ความรุนแรงถูกเลือกให้เฉิดฉายบนจอ แม้พระเอกจะหน้าตาหล่อเหล่าแต่รสนิยมที่เขาได้รับในบทนำทำให้เธออยากหยิกหมาข้างๆจนมันต้องร้องโอดโอยสุดท้ายก็ครางหงิงๆแล้วงอตัวเข้าหากันราวกับว่ารู้สึกผิดแต่มันก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องใหม่อยู่ดี

นานเข้า…ความง่วนงุนเข้าครอบงำทีละน้อยเพราะเนื้อเรื่องในตอนแรกดูน่าเบื่อไม่สมคำร่ำลือเหมือนตอนที่ผู้อ่านได้รับการถ่ายทอดฉากเหล่านั้นออกมาเป็นตัวหนังสือทว่ามันก็ไม้ได้น่าเบื่อทั้งหมดเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงท้ายๆ เสียงของความทรมานของนางเอกแผ่ซ่านเข้ามาทำให้คนดูมันมาตั้งแต่แรกไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ แม้จะรู้สึกถึงเจ้าหมาที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองฉากเหล่านั้นด้วยกัน

 

เพี๊ยะ!

 

ร่างเล็กๆสะดุ้งเมื่อพระเอกกำลังระเลงความปวดร้าวให้กับร่างกายบอบบางของนางเอกที่ถูกตรึงเอาไว้ ก่อนจะสะดุ้งจริงๆเมื่อเจ้าหมาดึงกันเข้าไปอยู่อ้อมกอด ราวกับจะทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับอิสตรีผู้มีเรือนร่างที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมอย่างละน้อยเขาก็คนนึงละที่ไม่คิดจะสวมบมบาทนั้นและใช้มันตอบสนองความต้องการของตนเอง

 

กรี๊ด!!!

 

เสียงหวีดร้องของคนถูกทรมานทำให้สองแขนตวัดรวบตัวให้หันมามองตา ทุกอย่างเงียบลงแม้กระทั่งเสียงของภาพยนต์มันคงเหลือแค่ภาพที่แล่นเรื่องดำเนินต่อไปเงียบๆ จวบจนปลายนิ้วไล้ลงบนหลังมือของคุณผู้ชมที่กำลังอินอยู่กับเนื้อเรื่อง

“พอแค่นี้เถอะค่ะ”

ทุกอย่างยังเงียบต่างหากเสียงหัวใจที่ตึกตักจนกระทั่งฝ่ามืออุ่นกอบกุมฝ่ามือเย็นเฉียบจนหมาป่าสาวรู้สึกเอ็นดูผู้แก่กว่าตนที่กลับอ่อนหัดกับเรื่องราวในหนัง แต่ว่ารอยยิ้มปลอบประโลมค่อยๆเลือนหายจากใบหน้างดงามของหมาป่าเมื่อสายตาของอีกคนเอาแต่จดจ้องกันไม่ละไปไหนก่อนจะรู้สึกถึงกระชับราวกับเป็นคำร้องขอเพื่อต้องการที่จะฟังคำตอบอย่างที่ตัวเองต้องการเพียงเท่านั้น

“เธอไม่โหดร้ายและเป็นคนดีในแบบที่ฉันเข้าใจมาตั้งแต่แรก”

“……”

“เธอไม่ได้เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์เหมือนกับในนิทานหลอกเด็ก เธอจริงใจและไม่ได้กำลังหลอกใช้ฉันใช่มั้ย พัค จียอน”

 

 

 

TBC.

ปมยังมีอีกเยอะจะค่อยๆคลายทีละขั้นตอนแรกกะแค่ 10 ตอนแต่ดูแล้วน่าจะมากกว่านั้น

และแนวนี้มันไม่ค่อยถนัดเลยเขียนยากไปหน่อย -…-

ไม่หายค่ะ แค่มาช้า ฝากติดตามด้วยนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

The wolf หมาป่าที่รัก #4

วันที่ห้าและก้าวพ้นเข้าสู่ค่ำคืนที่หก พ้นผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งอาทิตย์เหมือนกับตัวเองได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอย่างเช่นการไปร้านอาหารจมอยู่บทสนทนารวมถึงพวกพ้องคนอื่นๆ แม้กระทั่งการเดินเตร่อยู่ริมถนนหรือไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับที่พักด้วยรถสาธารณะ สายตากำลังวาดมองรอยยิ้มขบขำบนใบหน้าและนั่นอาจหมายถึงท่าเต้นประหลาดของพี่อึนจองอีกเช่นเคย เสียงเพลงโวกเวกและหลายคนกำลังโยกไปตามจังหวะ มากกว่านั้นคือเสียงที่ดังแทรกจากความวุ่นวายก่อนทุกอย่างจะกลับสู่เหตุการณ์ปกติเมื่อหญิงสาวตัวต้นเหตุพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นแล้วพูดอะไรกับแฟนหนุ่มตัวสูงจนเขายอมถอยตามด้วยริมฝีปากของเธอที่แนบลงเบาๆตรงโหนกแก้มแตกๆทดแทนคำพูดปลอบประโลมเหล่านั้น

ทุกสายตามองภาพนั้นแม้ว่ามันคือเรื่องปกติที่มักเกิดขึ้นเสมอยามที่ฤทธิ์แอลกอฮอร์พวกนั้นคอยยั่วยุรวมกับความระห่ำของความเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนในตัวที่คงจะแตกพล่าน วัยรุ่นพวกนี้ใจร้อน…ทว่าฮอร์โมนที่เดือดดาลสงบลงได้เพียงแค่ความอ่อนโยนจากหญิงสาวตัวเล็กๆคนนึงจริงๆนะเหรอ

รอยยิ้มฝืนๆระบายบนใบหน้ารูปไข่จากคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์พร้อมมือที่ยกไวน์ในแก้วขึ้นจิบครั้งแล้วครั้งเล่าสำหรับในค่ำคืนนี้ แม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยผู้คนแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่ได้เงียบเหงาหรือสนุกเมามันส์เหมือนเพื่อนๆที่กลับมาวาดลีลาต่อโดยหลงลืมเรื่องของผู้ชายสองคนก่อนหน้า

“ไม่คิดออกจะไปเต้นเหมือนเพื่อนๆบ้างหรือครับ”

ฉันหันมาเสียงของผู้ชายที่ถือตัวนั่งลงข้างๆและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือสองและสามเพราะมันมากกว่านั้นที่ผู้ชายคนนี้ พยายามเข้ามาทำความรู้จักกัน…ตลอดระยะเวลาเกือบปีแล้วละมั้ง?

“มันน่าเบื่อน่ะ”

เขาหัวเราะยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้แต่ยังพยามจะสานต่อและคงแปลกใจนิดหน่อยที่ฉันหันไปหาเขาตรงๆ เขาดูเหมือนคนที่โตกว่าถ้าไม่พูดถึงอายุทั้งท่าทางเชียวกราดกับโลกกลางคืนหรือความสามารถ…

“อย่าเพิ่งเบื่อผมสิ ดูสิมันดีแค่ไหน ตอนพี่เหงาก็มีผมอยู่ตรงนี้เสมอ”

“นั่นแหละที่น่าเบื่อ”

“เมื่อไหร่พี่จะใจอ่อนซักที”

“ฉันหวังว่าเราจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง..ที่ดีต่อกันได้”

“งั้นพรุ่งนี้ไปเชียร์ผมที่สนามนะ…”

“….”

“นะครับ  หรือว่าพี่มีนัด”

แก้วไวน์ถูกเขย่าเบาๆและคนตรงหน้าก็ยังมองกันไม่วางตาแม้อาการเว้าวอนจะปิดไม่มิด เด็กผู้ชายปีสามที่ตามกันต้อยๆเขาหายไปเกือบสามอาทิตย์เพราะต้องไปแข่งเบสบอลที่ต่างประเทศ และตอนนี้เขาคงกลับมาได้ไม่นาน ไม่นานเกินไปที่จะล่วงรู้และตามหากันจนเจอ

“ฉันไม่ว่าง”

รอยยิ้มที่ไม่แปลกใจไปจากคำตอบในใจของผู้ชายอายุน้อยกว่าปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตามด้วยสีหน้าผิดหวังตามเคย และไม่ใช่ไม่เคยที่จะออกปากไล่เพื่อตัดความรำคาญมากกว่านั้นเพราะไม่อยากให้เด็กข้างๆมาเสียเวลากับคนอย่างฉัน

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“พี่จะเปลี่ยนใจใช่มั้ย”

แววตาลุกวาวราวกับเห็นของขวัญชิ้นใหญ่ อาจจะเป็นครั้งแรกที่ฉันเป็นฝ่ายเปิดประเด็นซักถามเขาบ้างเพราะทั้งหมดแทบจะนับครั้งได้ที่ตัวเองมีเพียงความเงียบงันตอบแทนความหวังดีคนข้างๆมาตลอด

“ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

“พี่ถามเหมือนไม่เคยรู้ว่าการรอคอยใครซักคนมันทรมานมากแค่ไหน”

“…….”

“ผมไม่เคยจีบใครนานเท่านี้มาก่อน ไม่เคยทรมานเท่ากับการได้มาเจอพี่เลย”

“งั้นก็เลิกยุ่ง…นี่!

ข้อมือถูกดึงออกไปก่อนมันจะวางแนบบนหน้าอกแข็งๆนั่น ฉันก้มมองมันแต่มันน่าไม่สนใจเท่าแววตาเจ็บปวดของคนตรงหน้า มันไม่ได้ทำให้หัวใจของตัวเองเต้นแรงเหมือนกับอีกคน เสียงแก้วเหล้ากับบทสนทนาของคนในร้านดังอยู่อย่างนั้นมันแทรกซึมโสตประสาทและมันไม่ได้หยุดอยู่กับอวัยวะที่เต้นกระหน่ำใต้มัดกล้ามแข็งแรงนั่นเลยซักนิด

“พี่บอกผมมาก่อนสิว่าหัวใจของพี่เต้นแรงไม่ต่างจากผม”

และทุกอย่างกำลังเงียบลงฉันไม่อยากจะยอมรับตัวเองว่าอวัยวะที่อกด้านซ้ายมันกำลังเต้นกระหน่ำไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่เขากำลังยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง รอยยิ้มใสซื่อนั่นแสดงถึงความดีใจคงเพราะฉันเองกำลังนิ่งไม่มีคำเอ่ยห้ามหรือการปฏิเสธด้วยการชักมือหนีและมันกำลังเต้นแรงมากขึ้นเเรื่อยๆถ้าหากว่ามันไม่ได้เป็นเพราะคำพูดที่ไร้เสียงของผู้ชายตรงหน้า

ทุกอย่างกำลังหยุดนิ่ง

ทุกอย่างเริ่มช้าลง…

เหมือนเหตุการณ์ในห้องสมุด…

 

เพล้ง!

 

เสียงหวีดร้องดังแทรกโสตประสาทและศูนย์รวมแห่งการรับรู้ก็กลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อเสียงฮือของพวกผู้ชายดังขึ้นและแบะหน้าหนีเด็กหนุ่มที่อยู่ๆตัวเขาก็ลอยออกไปกระแทกกับโต๊ะของแขกที่อยู่ไกลออกไป จำได้ว่าตอนแรกที่ได้ยินคือเสียงแก้วแตก เสียงแก้วของรุ่นน้องที่กำลังพาตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวด ร่างของเขาเหมือนถูกดึงด้วยพลังบางอย่างแต่บางทีก็เหมือนถูกกระชากออกไปจากเคาท์เตอร์ตรงนี้ และฉันกำลังพาตัวเองลุกขึ้นโดยมีเสียงเพื่อนๆที่กำลังวิ่งมาด้วยสีหน้าแตกตื่น แต่ทุกอย่างดูยาก ยากแม้การก้าวขาออกไปหา อูฮยอน ที่น่าจะเจ็บหลังไม่น้อย

 

“เป็นห่วงเขามากหรือไง”

ฉันหันไปหาน้ำเสียงคุ้นชิน น้ำเสียงแหบๆที่หายไปนานพอควร และกำลังพยามสลัดหัวให้ความคิดถึง(แต่เขา)ที่ฟังออกดูไร้สาระออกไปจากโสตประสาทที่เอาแต่วนเวียน อยู่กับ หมาบ้าตัวนั้น หากว่าจมูกกำลังได้กลิ่น และคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแน่ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ดูเหมือนว่ามีความเป็นได้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมากกว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถทำมันได้

 

ทุกอย่างดูเหมือนกลับมาเป็นปกติในทุกจังหวะการก้าวอีกนิดเดียวฉันก็จะถึงตัวอูฮยอนอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่า…

 

วูบ~

 

เสียงคลื่นบางอย่างกระซิบที่หูและอุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลงจนขนแขนลุกซู่ ก่อนทุกอย่างจะเริ่มมึนงงมันน่าเวียนหัวจนต้องยืนมือออกไปยึดโต๊ะข้างๆเอาไว้ทว่ามันกลับกลายเป็นความนุ่มนิ่มภายใต้เสื้อผ้า ความอบอุ่นเหมือนผิวเนื้อมนุษย์ก่อนแสงไฟจะค่อยๆหายไปพร้อมเสียงเพลงที่กลับมาดังเช่นเคย

 

“ฉันกำลังปกป้องคุณ”

 

แล้วนาทีนี้ฉันก็มั่นใจ มั่นใจว่าเสียงนั้น มันไม่ได้มาจากการคิดไปเอง แต่มันเป็นเสียงของหมาบ้าตัวนั้นชัดๆ และทั้งหมดนั่นน่าจะเป็นฝีมือของเขา เขาใช้พลังที่เหนือกว่าทำร้ายคนอ่อนแอ ข้อนี้แหละที่น่าผิดหวัง  ผลงานของเขาไม่ได้ทำให้ตัวเองดูดีหรือเพิ่มเสน่ห์เหมือนรูปลักษณ์เลยซักนิด แม้ว่าจะมีสายตาของใครหลายๆคนกำลังหันมามองเรา เราสองคนที่กำลังยืนประคองกันอยู่ตรงนี้

“ปกป้องโดยใช้กำลังเหนือมนุษย์…”

วูบนึงฉันเห็นสายตาน้อยเนื้อต่ำใจนั่น และฉันก็เกลียดมันที่สุด เพราะถึงแม้เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอแต่มันกลับทำให้ฉันเป็นฝ่ายหันไปหา ท่ามกลางเสียงดนตรีที่กระตุ้นให้หัวใจตัวเองร้องไม่เป็นจังหวะไม่ใช่แววตาเศร้าหมองของคนในชุดดำที่กำลังลดมือลงจากหัวไหล่ทั้งสองอย่างเสมอตัว

“งั้นก็ไปดูเขาเถอะ”

ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคนตัวสูงในชุดทมิฬก็หายไปเสียแล้ว ความปราดเปรียวของมนุษย์หมาป่าคือข้อได้เปรียบมากกว่านั้นคือตัวเองเลือกที่จะไม่ก้าวไปหาเด็กผู้ชายที่มีหญิงสาวหน้าตาดีพยุงเขาขึ้นมาได้แล้ว ฉันก้าวออกไปจากสถานที่แห่งนี้แทบจะทันที แม้ว่าการ์ดตัวโตจะบอกว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นใครที่มีลักษณะคล้ายกับสิ่งที่ฉันบอก แต่สายตาก็กำลังกวาดหาหมาบ้าขี้น้อยใจตัวนั้นอย่างร้อนใจ สองขาก้าวออกไปจนถึงที่จอดรถก่อนมันจะหยุดอยู่ที่รถสปอตร์ที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวคันนั้น

อัตราเร่งของมันบ่งบอกถึงพละกำลังที่ได้มาเพราะราคาสูงลิบ แต่มันไม่ได้น่าสนใจและคิดว่าเธอเองคงไม่ต้องอาศัยพาหนะสิ้นเปลืองทรัพยากรของพวกมนุษย์แบบฉัน สายตาจึงละออกมาแล้วรอบสำรวจไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ตัวเก่าข้างๆเสาตัวนั้น หรือหลังต้นไม้ที่ตัวเองคาดหวังว่าจะแสงไฟเหมือนตาของคนหลบซ่อนอยู่บ้าง

 

 บรืน บรืน!

 

แล้วอยู่ๆ เสียงของเครื่องยนต์ก็ดังราวกับว่าคนขับเพิ่งจะเคยใช้งานมันเป็นครั้งแรก มันถอยหลังอย่างน่าหวาดเสียว สองเท้าเตรียมเดินกลับเข้าไปหาเพื่อนๆที่ระดมโทรเข้ามาสลับกันจนสายจะไหม้ ทว่าแสงไฟจากรถที่สาดเข้ามาทำให้ต้องยกมือขึ้นมาบังมันเอาไว้ พร้อมการสาปแช่งคนขับอยู่ในใจ

 

“เห็นฉันเป็นหมารึไง นี่คนนะโว้ย!”

 

เอี๊ยด!!!

 

เสียงล้อบดถนนจนมีกลิ่นไหม้พร้อมกับเสียงขงอูฮยอนที่ตะโกนออกมาจนหัวใจแทบจะร่วงลงที่ตะตุ่ม สองมือขึ้นปิดหูราวกับได้เสียงฟ้าผ่าก่อนที่หยาดฝนจะร่วงลงมา พอๆกับเสียงฝีเท้าของอูฮยอนอีกฝั่งถนนที่พยามจะข้ามมาหาพร้อมเสียงเรียก

“พี่ฮโยมิน!”

ประตูรถฝั่งคนขับถูกผลักออกในขณะที่ฉันค่อยๆละมือออกจากหูทั้งสองข้าง ร่างกายผอมๆยาวๆ ก้าวลงมารถเหมือนพระเอกหนัง ทุกอย่างเกิดอย่างเชื่องช้าราวกับว่าหมาป่ากำลังร่ายมนตร์สะกดสายตาพวกมนุษย์ สายฝนเย็นโปรยตัวปะทะแขนขาจนฉันเองต้องวิ่งเข้าหาที่ร่มก่อนจะถูกมือของใครบางคนรั้งกันเอาไว้

“กลับบ้านเราเถอะค่ะ”

ความอบอุ่นจากฝ่ามือข้างนั้น ใบหน้าขาวซีดท่ามกลางสายฝนรวมถึงแววตาเว้าวอนใช้ได้ผลต่างจากรุ่นน้องที่กำลังมองฉันอยู่ฝั่งตรงข้าม คนสองคนกำลังใช้สายตาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพราะฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น หากว่าสองเท้าเลือกที่จะก้าวเดินไปยังประตูรถที่กำลังเปิดรออยู่เพราะนอกจากสายตาคู่นั้นก็คือสมองของตัวเองที่กำลังรันคำสั่งให้ยอมเข้าไปนั่งแต่โดยดี ในขณะที่สายฝนเริ่มเทลงมาหนักกว่าเดิม เครื่องยนต์ราคาแพงนั้นเริ่มทำงานอย่างๆเงียบ ต่างจากเสียงเม็ดฝนและเสียงหัวใจแม้คนข้างๆจะไม่พูดอะไรออกมาซักที จนกระทั่งเราใช้เวลาไม่นานนักก็พากันมาถึงที่พัก

บรรยากาศเงียบลงกว่าเก่าต่างจากคำถามมากมายที่ยังถูกยัดอยู่ในสมอง แต่ปากก็ยังไม่ยอมขยับนอกเหนือจากนั้นยังมีสองแขนที่ยกขึ้นกอดอกเพื่อสื่ออะไรบางอย่าง จนคนข้างๆ ไม่สิ หมาตัวข้างๆต้องยอมแพ้

“ขอโทษที่หายไป”

“……”

“ฉันแค่มีอะไรบางอย่างต้องทำ”

“ไม่ได้ถาม”

“คุณโกหก ฉันไม่ได้”

“……”

“แล้วเรื่องมะกี้ ฉันต้องปกป้อง”

“เขายังไม่ทันทำอะไร”

“ทำไมจะไม่ทำ”

“พัค จียอน!”

“เขาทำ”

หมาที่ชื่อว่าพัค จียอนเงียบลง แล้วเบนหน้าออกไปมองหยาดฝนที่สะท้อนแสงไฟอย่างเหม่อลอย เขายังดื้อและเงียบอยู่ซักพัก ก่อนตัวเองจะนึกรำคาญในความร่ำรี่ร่ำไรนั่นสองมือจึงพร้อมจะผลักประตูออกไป พ่นลมหายใจออกมากับเหตุผลที่ไม่เห็นจะเข้าท่า เพราะฉันกำลังคิด ว่าเด็กผู้ชายอย่างอูฮยอนจะสู้พลังอันเหลือล้นของเขาได้อย่างไรกัน มันนึกภาพพวกนั้นไม่ออกเลยจริงๆ เพราะนั่นแค่เขาจับมือฉันไปวางไว้ที่หน้าอกของเขาไม่ถึงนาทีไม่สิไม่ถึงสามสิบวิเลยด้วยซ้ำ ร่างกายนักกีฬาอย่างเขาก็ลอยลิ้วไปไกลกระเด็นกระแทกโต๊ะแข็งตัวนั้นจนแทบจะพัง

“ขอบใจที่มาส่ง”

ปลดเข็มขัดอย่างไม่รอฟังเมื่อคิดว่าถึงรอต่อไปก็ไม่ได้มีเหตุผลที่เข้าท่า และประโยคทิ้งท้ายก็เหมือนกับว่าตั้งใจไล่อีกคนกลายๆ ขณะมือเลือกเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า อีกมือเตรียมจะผลักประตูออกไปทว่าไม่ถูกอีกคนรั้งกันเอาไว้

“ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆ ก็กลับไป…”

“ขอโทษหากว่ามันทำให้คุณไม่พอใจ แต่ผู้ชายคนนั้น…”

“เหอะ หมอนั่นตามฉันเป็นปี ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขามากไปกว่ารุ่นน้องคนนึง”

“แล้วทำไมเขาต้องจับมือคุณไปจับหัวใจของเขาด้วยล่ะ”

 

ฉันหันไปหาเจ้าของเสียงเมื่อได้ยินเหตุผลของคนตรงหน้า นั่นน่ะหรือสาเหตุที่เขาต้องหิ้วร่างกายของอูฮยอนให้ลอยไปกระแทกแบบนั้น นั่นคือโทษทัณฑ์ของเขางั้นหรือ ฉันไม่รู้ว่าอีกคนเคยรู้เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์หรือเปล่า หมายถึงธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชาย และถ้าไม่มีเหตุการณ์ประหลาดพวกนั้นเกิดขึ้นเสียก่อนฉันก็กำลังดึงมือออกมาจากเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่แล้ว

“เขาทำให้คุณรับรู้ถึงอัตราการเต้นหัวใจของเขา มันทำให้คุณรู้ว่าเขารู้สึกมากๆกับคุณ”

“…..”

“ในขณะที่ในหัวของคุณ มีแต่ชื่อของฉันเต็มไปหมด”

ฉันถึงกับพูดไม่ออก กับความหมายเข้าขั้นหลงตัวเองแบบนั้น ตอนแรกดูเหมือนว่าเขามีนิสัยขี้อายมากกว่ามนุษย์หลายเท่าแต่กลับสามารถพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย แล้วยังไงฉันเองก็รับรู้มาตลอดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นรู้สึกอย่างไร แค่เสี้ยวนาทีที่สัมผัสอวัยวะทั่วไปของมนุษย์ที่เกิดมาควบคู่กับความรัก  เพียงแค่นั้น ฉันเองก็ไม่ได้จะใจอ่อนง่ายๆอย่างที่คนตรงหน้าคิดแทน

 

“ฉันไม่ได้คิดถึงเธอขนาดนั้น”

“โกหก มันเป็นช่วงเวลาอ่อนไหวนะ”

“ฉันเปล่า!”

“แต่สายตาคุณบอก…ไม่สิ ฉันอ่านความคิดคุณได้”

มากกว่าความอึ้งตื่นตลึงในความสามารถคือคำถามต่อมา ว่าทั้งหมด ทั้งหมดที่ผ่านมาหมาป่าตัวนี้รับรู้มาตลอดเลยหรือว่าฉันกำลังนึกคิดอะไรอยู่ นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆแล้วแบบนี้…

“คุณคิดถึงฉัน”

“หลงตัวเอง”

“คุณคิดถึงฉันทุกคืน เหมือนกับที่ฉันก็คิดถึงคุณมากๆเหมือนกัน”

เป็นประโยคสุดท้ายที่ทำลายความขุ่นเคืองทั้งหมดให้สลายไปได้เหมือนกับความผิดของเขา ตอนนี้เราอยู่ในห้องมองผ่านม่านลอดไปยังถนนที่ปกคลุมด้วยหยาดฝน เงียบงันไร้บทสนทนาเหมือนไม่เหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันมาค่อนอาทิตย์ มากกว่านั้นคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำและมีบางอย่างที่สะดุดสายตาจนมันสร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าตัวจนเขาเองต้องวิ่งกลับไปเข้าในห้องน้ำอีกครั้ง

สองแก้มของฉันแดงก่ำพยายามไล่ความรู้สึกประหลาดและคำถามมากมายที่เกิดขึ้นอีกแล้วฉันกำลังตั้งสติและต้องสงบมันให้เย็นลงก่อนจะเห็นเธอที่เดินออกมาช้าๆพร้อมผ้าขนหนูที่ปกปิดบางอย่างเอาไว้ เสียงยุบยวบของโซฟาหนังทำให้ฉันรู้ว่าเธอเองกำลังใช้มันเป็นที่หลับนอน จากก่อนหน้าแทนที่เธอจะตรงมาหากันบนเตียงอย่างเช่นทุกครั้ง

คำถามที่ว่ามันยังกระอักกระอ่วนยากจะถามออกไปเพราะมากกว่าอะไรทั้งหมดคือฉันต้องใช้ความกล้าถึงขั้นไหนที่จะพูดคุยหรือความรู้จักกับตัวเธอให้มากกว่านี้

“มะ เมื่อกี้ที่เห็น ม มันคือ…”

ฝ่ามือขาวๆชะงักก่อนที่จะก้มมองสิ่งที่ตั้งผงาด พัค จียอนหลับตาลงเกลียดตัวเองมากพอๆกับความประหลาดเหมือนคำสาปติดตัว เกลียดตัวเองกับช่วงเวลาแบบนี้ อาจเพราะร่างกายแตกพล่านของตนที่เป็นต้นเหตุหรือไม่ก็อาจเพราะฟีโรโมนของใครบางคนที่ตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอมาตลอดทั้งสัปดาห์

“มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับมนุษย์ทั่วไป”

“…….”

“โอเค ฉันมีสองเพศ ฉันรู้ว่ามันน่าตกใจพอๆกับตอนที่รู้ตัวเองตั้งแรก”

หัวใจของฮโยมินเต้นกระหน่ำมันมากกว่าตอนที่เขาบอกว่าคิดถึงกัน ยอมรับว่ามันกำลังทำงานหนักสมองกำลังปะติปะต่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติพวกนี้ เข้ารวมกับความแปลกแยกที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาพบเจอ ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำไมจะต้องเป็นเธอด้วยที่มาประสบพบเจอเรื่องประหลาดแหวกทุกมิติโลกแบบนี้

“แต่ คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะ คิดซะว่าฉันเป็นไส้เดือนก็ได้ แน่ละมันก็มีสองแบบเพศ เอ่อ..แบบฉัน”

เขากำลังอายหรือมากกว่านั้นคือกลัวว่าฉันจะรู้สึกรังเกียจเขา สีหน้าแบบนั้นเหมือนเขากำลังสมเพชตัวเองรู้สึกมีปมด้อยที่เขาเกิดมาไม่เหมือนใคร

“นั่นเป็นเหตุผลที่หายไปด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ต้องกังวลนะ มันแค่ช่วงฮีท คือมันแบบว่า ใกล้จะพ้นแล้วละถ้าไม่..เฮ้ เฮ้?”

อยู่ๆมนุษย์ตัวเล็กก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วพุ่งเข้ามากระชากคอกันเอาไว้ สายตาดุๆไม่ได้ทำให้เขาต้องกลัวเพราะหัวใจที่เต้นถี่มีสาเหตุมากลิ่นกาย แล้วสมองก็ประมวลความหมายของประโยคสุดท้ายแต่ครั้งนี้เจ้าหมาป่าไม่สามารถทำตามคำสั่งนั้นได้เลยแม้แต่นิดก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องหวีดร้องเพราะความตกใจหลังจากหล่อนสะบัดตูดเพราะคิดว่าหมาๆอย่างเธอจะพาตัวเองออกไปให้สถานที่แห่งนี้ตามคำสั่งก่อนหน้า

“น นะ ฉันสัญญาว่าไม่รบกวนคุณ ขอฉันนอนที่นี่เถอะนะ”

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ บอกให้ปล่อย!”

 

อั่ก!

 

นั่นเป็นเสียงร้องของหมาป่าที่ถูกกระทืบเท้ามีลักษณะมนุษย์ที่มีความยาวกว่าเธอไม่มากยอมรับว่าเธอมีความเจ็บปวดไม่ต่างกันเป็นผลทำให้เธอพาคนในร่างล้มลงไปบนเตียงอย่างพอดิบพอดี

“ไอ้หมาเจ้าเล่ห์ปล่อยฉัน!”

คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมอกเต่งตรึงที่ชวนขนลุก ฮโยมินกำลังจินตนาการถึงผู้หญิงอีกประเภทหนึ่งที่เขาเกิดเป็นหญิงแต่กายเป็นชายและมีก้อนพลาสติกนุ่มมือฝังอยู่ในอกเหมือนของคนด้านหลังที่กำลังใช้มันดันแผ่นหลังของเธอเอาไว้เพราะความดื้อด้าน อยากจะกรี๊ดให้อีกคนหูระเบิดเพราะเขาจะรู้มั้ยว่าเธอสะอิดสะเอือนแค่ไหนกับงูเหลือมยักษ์ที่เหมือนกำลังชอนไชแก้มก้นแสนน่ารักของเธออยู่ในเวลาที่เขากำลังฮีทแบบนี้

“จียอนตกลงเธอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่!”

กรีดร้องออกไปจนตัวเองเริ่มรู้สึกเหนื่อยแม้จะรู้ว่าไม่สามารถสู้แรงของคนด้านหลังได้แม้แต่น้อย แต่เธอคงไม่รู้เลยว่าหมาป่าตัวนี้กำลังบังคับตัวเองไม่ให้เตลิดไปกับกลิ่นกายยั่วยวนจากอ้อมอกนี้มากแค่ไหน คำพูดของหมาป่าไม่มีผลต่อการหยุดเคลื่อนไหวอาจเพราะคนในอ้อมกอดนี้เริ่มเหนื่อยจึงยอมลงเสียเองก็แค่นั้น

“ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันทำให้พี่มีเบบี๋ออกมาได้”

หมาลามกพูดจาลามกแล้วยังไม่หยุดลามกแถมยังเอาแต่นอนนิ่งกอดกันอยู่บนเตียงแบบนี้ เธอสุดจะทนเกิดมาไม่เคยยอมให้ใครใช้แก้มก้นเธอสาธารณะแบบนี้ ขนลุกชูชันเมื่อมันยังถูกไถ่ช่วงเอวกันขึ้นมา

“เอามันออกไปจากหลังฉัน!”

ในขณะที่อวัยวะส่วนเกินหน้าเกินตาตั้งแต่ตอนอาบน้ำเสร็จยังคงแตกตื่นจนเจ้าของมันต้องดึงผ้าห่มหนามาปกกั้นกลางมันเอาไว้ แล้วค่อยๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติ

“แต่ฉันจะไม่ใช้มันทำร้ายคุณ  และสัญญาว่าจะปกป้องคุณด้วยชีวิต”

คำพูดสวยหรูจากหมาป่าทำเธอยอมหยุดนิ่งให้เขาตะกรองกอดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันมองใบหน้าแดงก่ำและลมหายใจร้อนๆที่รู้ดีว่าเขาเองก็กำลังทรมานมากแค่ไหน แต่ทั้งหมดเธอก็ยังไม่พร้อมและตั้งรับไม่ทันอยู่ดี เธอทั้งประหลาดใจตกใจปนกันไปหมดกับร่างกายต่างสายพันธุ์ที่กำลังกกกอดเธออยู่ราวกับว่าเขาต้องการความอบอุ่นนักหนา

ใบหน้าแดงๆมุดมาหากันแอบสูดเอาความหอมจากเนื้อโลชั่นและแชมพูสระผมกลิ่นอ่อนจากเรือนผมจนผิวกายของเขาแดงแจ๋ตามไปด้วย

“กลัวไหม”

คำตอบคือความเงียบและจากนั้นเขาก็พูดบางอย่างออกมาจนเธอต้องหันไปหาใบหน้าเศร้าสร้อยนั้น…

“ฉันเกลียดมัน  ฉันอยากเอามันออกไปด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดในฝูง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองต้องคำสาปแต่ว่าคนเบื้องบนบอกว่า ฉันพิเศษกว่าใครทั้งหมด”

ใบหน้าของเขาเศร้าหนักไปกว่าเดิมจนเธอเองอดไม่ได้ประคองใบหน้าที่มุดหนีกันให้เขายอมเงยขึ้นมาหา ถึงนาทีนั้นเขากำลังทรมานอาจเพราะความปวดหนึบที่หัวใจเธอเองก็รู้สึกเช่นกัน

“พอถึงช่วงเวลานี้ ร่างกายจะปวดร้าวไปหมดราวกับว่ามันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งตรงนั้น…ฉันเกลียดมัน ฉันแค่อยากเป็นผู้หญิงเหมือนกับคุณ”

“ที่เธอปรากฏตัวอยู่ทุกวันนี้ เพื่ออะไรกันแล้วกับฉัน ทำไมต้องเป็นฉัน..”

“ไม่ ไม่เคยเลย ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นใครและคุณเป็นใคร”

“เธอเหมือนหมาป่านุ่มที่กำลังออกหาคู่ ไม่นะแต่ฉันเป็นคน”

“โอ้ว ไม่ ไม่นะ คุณคงกังวลมากไป”

“แล้วเธอทำยังไง เธอก็รู้ว่าเป็นช่วงที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ช่วงอันตรายต่อผู้หญิง ไม่สิรึผู้ชายเพราะบอกว่ามีสองเพศ โอ้ย ฉันปวดหัว!”

“ฉันควบคุมมันได้ ฉันทำได้ดีมาตลอด”

“เธอแน่ใจหรือ นี่อย่าเลีย!”

“ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ”

“แล้วเคยมีอะไรกับมนุษย์หรือเปล่า”

“….”

“ถามว่าเคยหรือเปล่า”

ความเงียบคือคำตอบและทำให้หัวใจคนรอฟังเจ็บปวดแปลกๆ แม้ว่าหมาป่าตัวนี้จะพยายามอธิบายว่ามันเรื่องที่บางทีก็ไม่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าหัวใจจะผลักไสทว่าร่างกายกลับเรียกร้องตามประสาหมาป่าหนุ่มรึสาวกันดีนะ

“แล้วฉันจะไว้ใจเธอได้ยังไง”

“ก็แค่กับผู้หญิงก็ถ้าคุณไม่เต็มใจ โอ้ย! หยุดนะ โอ้ยอะไรเนี่ย!”

“ลามกที่สุด ออกไปเลยนะ ลงไปเลย!”

สองมือรวบเอาข้อมือเล็กๆเอาแนบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะขึ้นไปเกยอยู่หน้าท้องกัน ฮโยมินรู้สึกตกใจกับท่วงท่าและแววตาของช่วงอันตรายของหมาวัยรุ่น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาในรูปแบบของเด็กสาวพาให้เคลิ้มไปกับรูปลักษณ์แสนดูดีนั่นอยู่หรอกถ้าภาพของงูยักษ์จะไม่ชูคอทะลุผ้าขนหนูออกมาเหมือนตอนที่เขาอาบน้ำเสร็จ

“สัญญาแล้วไง ว่าฉันจะปกป้องคุณ”

“มันเป็นหน้าที่ของเธอ?  มันมีเรื่องราวอะไรซ่อนอยู่กันแน่ บอกฉันได้มั้ย”

“คุณจะรู้เมื่อถึงเวลาที่ควรรู้”

“เป้าหมายคืออะไร ศัตรูคือใคร สัตว์ประหลาดพวกนั้น”

“บอกแล้วไง เมื่อถึงเวลา”

“รวมถึงเรื่องที่ผับ ก่อนหน้าด้วยหรือ”

“…..”

“พูดความจริง”

“เปล่า”

หมาป่ายอมสารภาพ หลบสายตาดุๆจากมนุษย์ตัวเล็กบนตัว มันไร้ข้ออ้างยิ่งอีกคนบอกถึงสภาพสะบักสะยอมของเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น และเธอต้องสั่งสอนเขา สอนให้เขารู้ว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ใช้เพื่อปกป้องกันได้ทุกเรื่อง

“ถ้าคราวหน้ายังใช้กำลังแบบไร้เหตุผลอีก..”

“ไร้เหตุผลอะไรกัน”

“งั้นลองบอกเหตุผลที่เธอต้องกระชากร่างเขาลอยติ้วไปแบบนั้นมาสิ”

“ปกป้องคุณ”

“ปกป้องยังไง เขายังไม่ได้ทำร้ายฉันเลยแม้แต่นิด”

“ปกป้องความรู้สึกคุณ  ปกป้องเพื่อไม่ให้เขาเอามันไปจากคุณ”

หมาบ้า… หวงกันแม้กระทั่งความรู้สึกอย่างนั่นน่ะเหรอ แล้วดูสายตาของเขาตอนนี้สิ  สายตาหวงแหนที่กำลังทอดมองกัน สายตาเว้าวอนให้ความผิดนั้นสมควรแก่การกล้าล้ำเส้นเข้ามายุ่งกับความรู้สึกของเธอ เขากำลังคิดอะไรอยู่ มันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเขาด้วยหรือ ฉันต้องห้ามรู้สึกอะไรกับใครทั้งนั้นมันจะมากเกินไปหน่อยแล้วมั้งเจ้าหมาจอมบงการ

“เป็นหนึ่งในหน้าที่หรือไง”

“ไม่”

“แล้วทำไมถึง”

“รู้ว่าไม่มีสิทธิ”

“พอเลย พูดคำนี้ทีไรก็หายไปทุกที”

ปัญหากวนใจข้อนั้นกลับมีบทบาทท่ามกลางบทสนทนาของเราอีกแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจแสดงออกทางแววตาและสีหน้าจนทำให้ฉันเองรู้สึกผิดอีกแล้ว แปลกก็ตรงที่เขายังไม่ยอมปล่อยกันลงไปนอนดีๆอย่างเก่าราวกับว่ากำลังรอให้ง้อกันอยู่อย่างนั้นแหละ

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น ฉันได้ยินนะ และขอโทษที่แอบฟัง หรือเพราะเด็กผู้ชายคนนั้น”

“พอเลย”

“ก็ได้ จะไม่กวนใจ”

เขาทำท่าจะลุกหนีและฉันนึกอ่อนใจกับนิสัยเด็กๆของเขาที่อยู่ๆเขาอยากจะเอามันมาใช้กับฉันตอนไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ ไม่เห็นจะเหมือนตอนที่เขาคอยปกป้อง คนตรงหน้าไม่เห็นจะอบอุ่นเหมือนตอนที่พวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นปรากฏตัวเลยซักนิดหรือเพราะว่าเขาเป็นหมาวัยรุ่นที่อารมณ์พุ่งพล่านเดือดๆดับๆกันละนี่ สุดท้ายฉันต้องรั้งคนที่กำลังจะลุกออกไปเตียงและไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องแคร์หมาที่ไหนก็ไม่รู้ที่เพิ่งจะรู้จักกันมาไม่กี่เดือนตัวนี้นักหนา

“ฉันต้องนอนคนเดียวอีกแล้วใช่มั้ย”

หมาน้อยหยุดนิ่งแต่ยังไม่ยอมหันมาหา จนเป็นฉันเองที่บ้า  บ้าที่กล้าสอดแขนเล็กๆของตัวเองเข้าหาลำตัวแล้วรั้งมันเอาไว้แนบอก  ค่อยๆฝังใบหน้าลงบนกล้ามเนื้อแข็งแรง แผ่นหลังไม่ได้ใหญ่บึกบึนเหมือนผู้ชายเต็มตัว จมูกได้กลิ่นหอมจากเสื้อนอนของเขา และหัวใจกำลังเต้นแรงเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นเมื่อหลังมือของตัวเองมีใครอีกคนกุมมันเอาไว้…

 

 

 

 

TBC.

 

แท่นแท๊นนน~~~

รู้สึกแปลกๆหรือมีความสงสัยมั้ยคะ บางคนอาจไม่ชอบให้มันต่างไปจากเรื่องจริงแต่เรื่องนี้มันเป็นแฟนตาซีขี้โม้ อาจต้องใช้จินตนาการมากหน่อยนะคะ

อย่าเพิ่งตกใจจนหนีเตลิดไปกับลักษณะทางกายภาพของเจ้าหมานะคะเพราะเขาน่ะน่ารัก 🐾