ในช่วงที่หิมะโปรยปรายจะมีอะไรดีไปกว่าการซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในช่วงเช้ายามดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นเช่นนี้ ร่างเล็กๆหดตัวเข้าหาตัวเองราวกับความอบอุ่นนั้นไม่เพียงพอเลยซักนิด ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดและลมหายใจที่พ่นเอาควันขาวออกจากโพรงจมูก ดวงตากลมโตค่อยๆปรือขึ้นมองปลายยอดไม้ที่อยู่ห่างออกไป เพิ่งระลึกได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องอย่างเช่นทุกครั้ง เพราะยังมีแสงแดดเริ่มเฉิดฉายรำไรขับไล่ความหนาวเย็นทว่าเธอเองยังเอาแต่ซบหน้าอยู่เนื้อนุ่มของมนุษย์ที่ตะกองกอดให้เธอตกอยู่ใต้อ้อมกอดนี้ พยายามไม่เหลือบมองพื้นดินด้านล่างที่คลุมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติเพราะความสูงของมันมักจะทำให้ความน่าอภิรมย์นี้หมดไป หากว่าตัวเองยังรู้สึกถึงความปลอดภัยเพราะยังมีท่อนแขนเล็กๆแต่แข็งแรงกว่ามนุษย์ห่อหุ้มเอาไว้ นึกขอบคุณหมาป่าที่ช่วยเปลี่ยนช่วงวันหยุดแสนเบื่อให้เธอเองรู้สึกตื่นเต้นแม้มันจะโลดโผนไปหน่อยก็ตามและทั้งหมดนั่นเพราะเขาเป็นคนปลุกกันตั้งแต่ขอบฟ้ายังมืดชักชวนเธอขับรถออกมายังป่าแสนเงียบสงบแห่งนี้
“แค่กอดฉันไว้แน่นๆ”
เขาไม่มีรอยยิ้มเพียงแต่หันมากระซิบกันแล้วกระชับร่างเธอเอาไว้แนบอก เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้สองแขนกระชับตัวเขาไว้แน่นเช่นกัน สายลมเย็นเริ่มพัดผ่านเส้นผมเกล็ดหิมะบนหญ้าต้นเล็กๆสะท้อนแสงแดดสีส้มทอประกาย และที่เธอจำได้ก็คือความเร็วสุดท้ายก่อนเราจะมาถึงกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อีกคนเปลี่ยตัวเองมาเป็นเบาะขนนุ่มรองรับกันเอาไว้แบบนี้ ดวงตากลมมองเห็นแสงไฟในตัวเมืองพร่างแพรวแข่งกับแสงดาวที่เปล่งแสงอวดตัวเองยามฟ้ายังมืดมิด เธอหันไปมองใบหน้าของคนที่พากันขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้เขา แม้ว่าจะไร้รอยยิ้มตอบกลับมาแต่เธอเองก็รู้ว่าเขากำลังพอใจจึงกล้าแนบศีรษะเข้ากับแก้มแดงๆของเขา หมาป่าตัวอุ่นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเยือกเย็นมากกว่า และเส้นผมของเธอคงจะสร้างความรำคาญให้เขามือยาวๆจึงรวบเอาเรือนผมของเธอไว้ที่ไหล่ซ้ายเพียงด้านเดียว เปิดโอกาศให้เขามีโอกาสดมดอมลำคอของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดเป็นเสียงหัวเราะเมื่อหมามันเปลี่ยนโหมดมาแกล้งกันแต่ก็กลัวว่าความง่วงงุนจะทำให้เธอเองร่วงลงไปกระแทกพื้นด้านล่างการกระทำพวกนั้นจึงหยุดลง
“นอนเถอะ ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ตรงนี้ทั้งตัว”
บ้า… หมาบ้าอะไรช่างพูดชะมัด แล้วเธอเองก็กำลังลืมตาขึ้นเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์สาดแสงใบหน้าของหมาป่าผู้ที่รู้สึกตัวอยู่เสมอเขาเอาแต่จ้องมองแสงนั้นที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะกระชับอ้อมกอดเหมือนรู้ว่าเธอเองยังต้องการไออุ่น ฮโยมินมองภาพนั้นอยู่เงียบๆไม่ส่งเสียงใดๆปล่อยให้ความเงียบทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเราสงบลง ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอเองรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆธรรมชาติรอบตัวทำให้เธอมองมันว่าความงดงามของโลกใบนี้ยังคงมีให้เห็น
คิดได้แบบนั้นมือเล็กๆจึงกล้าเอื้อมเข้าไปโอบใบหน้างดงามให้เขาหันมาและวูบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองเห็น เห็นความเศร้าหมองที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าของเขาหม่นลง หลายครั้งหลายคราที่เกิดคำถามขึ้นมากมายแต่เป็นเธอเองที่ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามมันออกไปว่าเพราะอะไรเพราะมีเรื่องกวนใจอะไรหรือเปล่าที่ทำให้เขาดูเศร้าสร้อยเช่นนี้ ทว่าเขาก็ก้มลงช้าๆแนบแก้มข้างนั้นเข้าหาความอุ่นจากฝ่ามือของเธอราวกับสุนัขผู้ชอบเอาใจเจ้าของ และความวิจิตรงดงามของหมาป่าในร่างมนุษย์ก็ทำให้หัวใจคนมองเต้นตึกตัก มันพองโตยามที่เขากำลังซึมซับไออุ่นจากมือเล็กๆราวกับว่าไม่อยากตอบคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ก่อนปลายนิ้วของมนุษย์จะไล้บนเปลือกตาเรียวยาวเบาๆเหมือนกลัวว่าเขาจะได้รับความบอบช้ำไปมากกว่านี้
“เธอเองก็โกหกฉันไม่ได้เหมือนกัน”
เปลือกตาบนโครงหน้าวิจิตรนั้นค่อยๆปรือขึ้นมองเจ้าของคำพูดตามด้วยรอยยิ้มระบายบนใบหน้า จียอนจับหลังมือเล็กเอาไว้เลื่อนลงและกุมมันเอาไว้เพราะกลัวว่ามือของอีกคนจะเย็นเกินไป หน้าผากโหนกนูนถูกปิดด้วยหมวกไหมพรมช้าๆ ความป่าเถื่อนเยี่ยงนักล่าไม่มีให้เห็นทั้งหมดนั้นฮโยมินคิดถึงแต่คำว่าอ่อนโยนราวกับว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ผู้หญิงแสนโรแมนติกคนนึง แม้นิสัยแท้จริงจะเหมือนเด็กผู้ชายก็ตาม
“แต่ฉันไม่จะถาม จนกว่าเธออยากจะบอกเอง”
“คุณไว้ใจฉันมั้ยคะ”
หัวคิ้วของฮโยมินขมวดเป็นปมเมื่อน้ำเสียงของหมาป่าแปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง ความเรียบตึงของใบหน้าทำให้รู้สึกไม่ดี แม้อ้อมกอดจะกระชับมากขึ้นราวกับต้องการปกป้องเธอจากความชั่วร้ายที่คอยตามติดเราอยู่ห่างๆหากเพียงว่าเธอเองยังมองไม่เห็นมัน
“มีอะไร ที่ฉันควรรู้หรือเปล่า”
“ยังไม่ถึงเวลา ตอบได้แค่ว่ามันยังไม่ใช่เวลานี้ค่ะ”
“จียอน”
“อยู่ใกล้ๆฉัน อย่าไว้ใจใครนอกจากฉัน อย่าให้ไล่ฉันไปไกลจากคุณ”
“ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันมีความสำคัญอะไรกับเธอนักทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับอะไรที่คาดไม่ถึงแบบนี้ด้วย”
“อีกไม่นาน อีกไม่นานคุณจะรู้ทุกอย่าง”
หมาป่าพยายามปลอบแม่มนุษย์ผู้เกี้ยวโกรธด้วยฝ่ามือที่ลูบลงบนหัวไหล่เล็ก ใบหน้าบูดบึ้งนึกอึดอัดกับความจริงบางอย่างที่อีกคนก็ไม่สามารถบอกกันออกมาได้ กระฟัดกระเฟียดเร่าๆเหมือนเด็กเอาแต่ใจจนหมาป่าในร่างคนไม่รู้วิธีจัดการกับความดื้อรั้นนั้นยังไง
“ฉันจะลง”
“อยู่ต่ออีกนิดนะคะ”
“พูดไม่เข้าใจหรือยังไง”
“…….”
“พาฉันลงไป”
“ก็ได้ๆ อย่าดื้อสิคะถ้าเกิดหล่นลงไปจริงๆจะทำยังไง”
“เธอไม่ยอมให้ฉันตกลงไปแน่ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย”
แรงขยับบนกิ่งไม้ทำให้หัวใจของแม่มนุษย์ไหววูบเพียงเพราะแรงกดทับจากร่างกายของเขาที่กำลังเปลี่ยนท่วงท่า จนเธอต้องเผลอกำคอเสื้อเขาเอาไว้ แต่ด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยังไม่สามารถทำให้เธอบอกเขาได้ตามตรงว่าความสูงด้านล่างทำให้รู้สึกหวิวขนาดไหน จนปลายคางถูกเชยให้หันมามองใบหน้ากันตรงๆพร้อมการนำพาสองมือให้คลายออกจากคอเสื้อเปลี่ยนมาคล้องประสานไว้ที่ลำคอกันไว้แทน
“ถ้ากลัวก็มองหน้าฉันเอาไว้ แล้วก็…กอดแน่นๆ”
“เกาะ!”
“เกาะก็เกาะค่ะ”
เรื่องกวนใจถูกพักเอาไว้ราวกับว่าหมาขี้เล่นต้องการแกล้งกันให้สองแก้มเกิดสีแดงๆ ระดับลมหายใจเฉียดฉิวกันไปมาสลับกับภาพเบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นฉากๆ เหมือนกับในหนังไม่มีผิด ติดตรงที่ว่าเรื่องประหลาดใจพวกนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ และมีในบางครั้งที่เขาใช้ความเร็วราวกับว่าถูกไล่ล่าจนเธอเองต้องเกาะเขาไว้แน่นกว่าเดิม
กรี๊ด!!!
กิ่งไม้ด้านหลังหักกรอบในขณะที่เราสองคนกระโจนข้ามมาถึงอีกฝั่งได้แล้ว หมาป่าหยุดมองพร้อมดวงตากลมโตที่มองตามกิ่งไม้ที่นอนสลบอยู่เบื้องล่างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาคาดโทษ
“ก็คุณ…”
“จะโทษฉันหรือไง”
เจ้าหมายอมให้อีกคนชี้หน้าแล้วกลับมาเริ่มไล่ระดับลงมาจากต้นไม้สูงนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเสียสมาธิแล้วแอบยิ้มในใจสลัดหัววางความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เงียบๆ ไม่ยอมเอ่ยให้อีกคนรู้ว่าเป็นเพราะปลายจมูกเล็กๆที่ฝังลงบนลำคอเนื่องจากความกลัวทำให้เผลอออกแรงกดบนกิ่งไม้นั้นมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง มนุษย์ตัวเล็กผู้ไม่น่ามีอำนาจมากไปกว่าหมาป่าสายพันธุ์หายากแบบเขาสามารถควบคุมทุกอย่างให้ตกอยู่ภายใต้กำมือเล็กๆที่โอบประคองใบหน้ากันเอาไว้สร้างความอบอุ่นให้สมองหมาๆแบบเขาหลงลืมเรื่องกวนใจพวกนั้นได้หมดสิ้น
จนกระทั่งฝ่าเท้าสัมผัสพื้นหญ้าสีเขียวตามด้วยเท้าเล็กๆอีกคู่หนึ่งที่ลอยขึ้นไปอีกครึ่ง พัค จียอนอุ้มอีกคนให้ขึ้นไปอยู่บนไหล่เพราะอีกนานพอควรก่อนเราจะถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอกแม้จะมีเสียงทักท้วงจากคนบนหลังที่ล็อกลำคอไว้แน่นหนา หาไม่ได้สนใจมันมากนักก่อนจะยกเอาเหตุผลบางอย่างมาขู่กันเอาไว้
“แถวนี้งูเยอะ”
“ทำไมต้องเดินช้าๆแบบนี้ เธอใช้ความเร็วไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ พลังใกล้หมดเพราะเพิ่งปีนต้นไม้มะกี้”
“พลังเธอหมดได้ด้วยเหรอ”
ถามออกไปเพราะความอยากรู้พร้อมการชะโงกไปหาจนใบหน้าชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นมนุษย์ผู้ทิฐิมากที่ผละออกจนหมาป่าเป็นฝ่ายเหลียวเสตามามองกันเสียเอง
“แล้วทำไมเราต้องเดินเร็วๆด้วยละคะ”
เจอคำถามโต้กลับมาแต่มันทำให้ตัวเองคิดอะไรไม่ออก เพียงแสร้งโกหกกันไปด้วยเรื่องอยากให้ถึงที่พักเร็วๆก็น่าจะจบไปแล้วแต่ความจริงบางอย่างที่ค้ำคอก็ทำให้เธอได้แต่เงียบและกระชับสองแขนให้แน่นมากขึ้น
หมาป่ายิ้มในใจเมื่อร่างบนหลังกระชับกอดกัน ความสุขเล็กๆเกิดขึ้นบนพื้นที่น้อยๆของสองหัวใจที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จนกระทั่งเราเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ร่างเล็กก็กระโจนลงจากแผ่นหลังน่ากอดแทบจะทันที แม้จะได้รับรอยยิ้มจากอีกคนเธอเองไม่ได้สนใจนอกจากการเฉิดฉายเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรูของเขาที่ยังไม่ได้ถามที่มาที่ไปว่ามันได้มันมาได้อย่างไร รถเคลื่อนตัวออกไปท่ามกลางเส้นทางเงียบสงบฮโยมินเพิ่งจะสังเกตุว่าเส้นทางนี้มีพืชพรรณหายากและดูแปลกตาสร้างความเพลิดเพลินให้ตนเองไม่น้อย จนกระทั่งมันลัดเลาะอ้อมหุบเหวลึกจนน่ากลัว หัวใจของมนุษย์ผู้นี้เต้นถี่ราวกับกลัวว่ารถหรูคันนี้จะพาตนพุ่งตกลงไป
“เป็นหรือเปล่าอะไรคะ”
ร่างเล็กสะดุ้งราวกับมือเรียวยาวเป็นของร้อนที่วางนาบบนส่วนเดียวกัน ก่อนจะลืมตามองดูอีกครั้งว่าตอนนี้รถขับเข้ามาถึงตัวเมืองและมันกำลังเลี้ยวเข้าไปซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆแห่งหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบชั้นดี พัค จียอนปลดเข็มขัดให้อีกคนยามที่เขาเองยังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศกลับมืดครึ้มราวกับว่าคนละฤดูกาลที่เวียนมาถึงก่อนร่างเล็กๆจะเดินลงไปพร้อมสายลมที่พัดปลิวเส้นผมจนยุ่งเหยิน เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกกลางออกเมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ฮโยมินหันมองใบหน้าและท่อนแขนที่กลางออกแทนร่มแล้วเริ่มก้าวเข้าไปด้านในเงียบๆ
ล้อรถเข็นเลื่อนตามผู้เลือกสรรเมนูในใจเงียบๆ จนกระทั่งของสดที่จำเป็นต้องใช้ถูกหยิบออกมาจนครบ ดวงตากลมโตหันมองมือขาวๆที่คว้าเอากระป๋องเบียร์จากชั้นบนก่อนจะหยุดลงเมื่อมันถูกวางทับของสดที่เธอตั้งใจเลือกอย่างดี
“ชอบกินอะไรแบบนี้ด้วยหรือไง”
“……”
“หมายถึงหมาป่าชอบดื่มเบียร์ด้วยเหรอ”
ชู่วว…
“อะไร”
“ฉันก็เป็นคนนะคะ เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง”
“แล้วก็อายุไม่ถึง”
“ไม่ถึงได้ยังไงกัน ก็คุณเป็นคนจ่าย”
ล้อรถเข็นเลื่อนครึดตรงไปยังจุดชำระเงินสองมือเรียวยาวหยิกสินค้าวางให้พนักงานคิดเงินด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่างจากพนักงานหนุ่มที่แอบจ้องใบหน้าคุณลูกค้าที่กำลังค้นกระเป๋าสตางค์ของตนออกมาจากเสื้อ
“เอ่อ..”
“คนนี้เป็นซื้อ”
“เอ๋”
“ฉันแค่ช่วยหยิบตัง”
ชายหนุ่มหันไปมองก่อนเธอเองจะพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเขาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้คุณลูกค้าอีกคนแทนที่จะเป็นเธอ ฮโยมินนึกฉุนคนที่กำลังส่งรอยยิ้มนิดๆเหมือนมนุษย์อัธยาศัยดีให้กับพนักงานหนุ่มหน้าตาดี ก่อนรับเงินทอนแล้วจงใจเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ที่รักเอากระเป๋าตังของคุณมาสิคะ”
ชายหนุ่มตัวสูงหันไปมองคุณลูกค้าที่กำลังงงงวยกับสรรพนามแปลกหูเมื่อมือเล็กไล่ระดับตั้งแต่กลางอกลงมากระเป๋าตังที่ซ่อนอยู่ตรงเสื้อด้านใน ฮโยมินหันไปฉีกยิ้มให้หนุ่มพนักงานแล้วเดินนำหน้าคนถือของที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆออกมาจนถึงรถ ข้าวของถูกวางไว้ตรงเบาะหลังก่อนหมาป่าจะกลับมาทำหน้าที่คนขับอีกครั้งแล้วกระเป๋าสตางค์ก็ถูกโยนออกไปตรงหน้าตามด้วยท่ากอดอกอย่างไม่สบอารมณ์
“หิวข้าวหรือคะ”
“รีบๆกลับกันเถอะ”
หมาป่าออกรถแทบจะทันทีในขณะที่มนุษย์ตัวเล็กๆกำลังเหม่อมองแสงอาทิตย์ที่ลามเลียตึกรามบ้านช่องระงับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาถึงที่พัก จียอนจัดการขนของพวกนั้นแล้วรีบสาวเท้าเดินตามคุณผู้หญิงที่มอบบทบาทคนรับใช้มาให้ รอให้ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปถึงห้องเดินตามอีกคนเมื่อถึงก็วางของทั้งหมดไว้ในส่วนของเคาเตอร์ห้องครัว รีบรินน้ำใส่แก้วเดินมาหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อคลุมแขวนไว้ ยิ้มนิดๆเมื่ออีกคนยอมยกมันขึ้นดื่มก่อนมันจะพุ่งออกมาจากปากเมื่อตัวเองได้พูดบางอย่างออกไป
“ถ้าเจอคราวหน้า ฉันจะบอกกับพนักงานคนนั้นว่า เจ้านั่นของฉันใหญ่กว่าของเขาเสียอีกคุณจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย”
แค่ก แค่ก แค่กๆๆ
ฮโยมินหน้าดำหน้าแดงเพราะทั้งคำพูดและทั้งเพราะน้ำเย็นจากแก้วในมือเป็นเหตุให้หมาป่ารีบลูบหลังกันเบาๆพร้อมหยิบแก้วน้ำออกไปจากมือเธอ
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“แค่ก แค่ก”
“โอเคนะคะ”
พยักหน้าแทนคำตอบแล้วปรับจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเดินอ้อมไปยังวัตถุดิบจัดการคัดเลือกด้วยสายตาแล้วหันไปล้างมือ หยิบผ้ากันเปื้อนสวมใส่เอื้อมมือจะมัดเชือกหากว่ามีมือยาวๆเสนอสอดเข้ามาช่วยกันจนต้องพ่นลมหายใจออกมา
“ทำไมคะ ยังโกรธอยู่เหรอ”
“ฉันจะโกรธทำไม”
“อะ อ่าว”
“แล้วอย่าพูดถึงเจ้านั่นอีกได้มั้ย ฉันพยามคิดมาตลอดว่าฉันกำลังอยู่เด็กผู้หญิง กินนอนไปเที่ยวแชร์ห้องนี้กับผู้หญิง”
หมาป่าพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันมาช่วยล้างผักช่วยแกะซองตัดนี่ตั้งหม้อเล็กๆน้อยๆนั่นจนเสร็จ ในแบบที่พวกมนุษย์มีน้ำใจช่วยเหลือกัน จนกระทั่งถูกไล่ไปอาบน้ำชำระกายที่กระโจนไปนั่นมานี่จนเหงื่อออก แม้กลิ่นตัวเขาจะยังหอมแต่เธอก็ต้องจำใจไล่เขาออกไปดีกว่าปล่อยเขาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆคงไม่เป็นตาทำอะไรแน่ๆ
เวลาผ่านไปซักพักจนกระทั่งมื้อเช้าเสร็จสิ้น ประจวบกับที่หมาป่าสาวเดินออกมาพร้อมกลิ่มหอมฟุ้งจากผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันกับเธอ ฮโยมินจึงมอบหน้าที่จัดโต๊ะแลกเปลี่ยนกับเธอจะเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อยเพราะกลิ่นอาหาร ร่างบอบบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำระหว่างนั้นก็นึกถึงแววตาใสซื่อในตอนที่ที่เอาแต่พูดถึงอาวุธที่ตนเองก๋็มีไม่ต่างชายหนุ่มมนุษย์ทั่วไป ขำคิกกับความไร้เดียงสาก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
“เสร็จหรือยังคะ หิวแล้ว”
ตะโกนตอบกลับไปก่อนจะรีบใส่เสื้อคลุมเดินออกมาประทินผิวอยู่ชั่วครู่แล้วผมเผ้าถูกรวบต่ำเอาไว้ก่อนจะเยื้องย่างออกไปด้านนอกทว่ากลับไม่พบหมาป่าสาวอย่างทีี่คิดหากว่าเห็นม่านสีขาวถูกแยกออกทิ้งไว้ เท้าเปล่าเดินออกไปตามบานกระจกที่เปิดออกก่อนจะพบกับเด็กสาวที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับมุมแก้วกาแฟที่จัดวางอย่างตั้งใจบนจานรอง
“ใช้ได้นี่”
หมาป่าสาวก้าวเข้ามาหาแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้กันจนเธอต้องจำยอมในความบริการของเขา มื้อแรกของวันดำเนินไปอย่างเรียบง่ายภายใต้ความเว่อร์วังของอีกคนที่ตั้งใจจัดโต๊ะอาหารให้ออกมาดูดีรับกับช่วงเช้าที่แสนอบอุ่นแบบนี้ เราทานอาหารเงียบๆจนกระทั่งเริ่มหนักท้อง ตามด้วยน้ำส้มถูกยกขึ้นดื่มตามผลไม้สองสามชิ้น จากนั้นหมาป่าก็อาสาเก็บของทั้งหมดและมันกำลังเกิดคำถามว่าจะจัดให้มากความแต่แรกทำไม
“เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปนั่งด้านในเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”
ฮโยมินถูกห้ามเอาไว้แม้จะเสนอว่าให้ช่วยกันเก็บแต่ก็ไม่เป็นผล หมาป่าสาวบอกให้เธอเข้าไปเลือกหนังที่กองบนโต๊ะไว้รอก่อนจะใช้ความสามารถส่วนตัวหยิบนี่เก็บนั่นอย่างรวดเร็วแล้วมันก็เสร็จสิ้นลงอย่างง่ายดาย จียอนหยิบขวดน้ำยกดื่มเกือบหมดขวดแล้วเล็งเห็นไวน์แดงในตู้ก่อนจะตั้งใจรินไว้แล้วยกไปเสริ์ฟคุณผู้หญิงที่นั่งเปลี่ยนช่องทีวีแทนการเลือกหนังเรื่องโปรดที่เรียงรายกันบนโต๊ะ
“ดื่มอะไรตอนนี้”
“สร้างบรรยากาศ”
“บรรยากาศบ้าบออะไรเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ”
พรึ่บ
ฮโยมินตกใจไม่น้อยกับความสามารถอันน่าทึ่งของหมาป่าสาวเมื่อหลอดไฟดับลงและเปลี่ยนเป็นแสงสลัวทดแทนพร้อมหนังที่เริ่มฉายบนจอราวกับนี่เป็นโรงหนังในบ้านของพวกคนรวยๆที่เขามีไว้ให้แขกอิจฉาเล่นๆ ไม่นานนักก็หันกลับมาหารอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กำลังภูมิใจกับความสามารถของตน
“เธอทำได้ยังไง”
“แค่บางครั้งนะค่ะ”
แล้วหันกับมาสนใจหนังบนจอและแทบจะกดปิดมันทันทีเมื่อหนังเรทผู้ใหญ่ที่มักใช่ความรุนแรงถูกเลือกให้เฉิดฉายบนจอ แม้พระเอกจะหน้าตาหล่อเหล่าแต่รสนิยมที่เขาได้รับในบทนำทำให้เธออยากหยิกหมาข้างๆจนมันต้องร้องโอดโอยสุดท้ายก็ครางหงิงๆแล้วงอตัวเข้าหากันราวกับว่ารู้สึกผิดแต่มันก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องใหม่อยู่ดี
นานเข้า…ความง่วนงุนเข้าครอบงำทีละน้อยเพราะเนื้อเรื่องในตอนแรกดูน่าเบื่อไม่สมคำร่ำลือเหมือนตอนที่ผู้อ่านได้รับการถ่ายทอดฉากเหล่านั้นออกมาเป็นตัวหนังสือทว่ามันก็ไม้ได้น่าเบื่อทั้งหมดเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงท้ายๆ เสียงของความทรมานของนางเอกแผ่ซ่านเข้ามาทำให้คนดูมันมาตั้งแต่แรกไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ แม้จะรู้สึกถึงเจ้าหมาที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมามองฉากเหล่านั้นด้วยกัน
เพี๊ยะ!
ร่างเล็กๆสะดุ้งเมื่อพระเอกกำลังระเลงความปวดร้าวให้กับร่างกายบอบบางของนางเอกที่ถูกตรึงเอาไว้ ก่อนจะสะดุ้งจริงๆเมื่อเจ้าหมาดึงกันเข้าไปอยู่อ้อมกอด ราวกับจะทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับอิสตรีผู้มีเรือนร่างที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมอย่างละน้อยเขาก็คนนึงละที่ไม่คิดจะสวมบมบาทนั้นและใช้มันตอบสนองความต้องการของตนเอง
กรี๊ด!!!
เสียงหวีดร้องของคนถูกทรมานทำให้สองแขนตวัดรวบตัวให้หันมามองตา ทุกอย่างเงียบลงแม้กระทั่งเสียงของภาพยนต์มันคงเหลือแค่ภาพที่แล่นเรื่องดำเนินต่อไปเงียบๆ จวบจนปลายนิ้วไล้ลงบนหลังมือของคุณผู้ชมที่กำลังอินอยู่กับเนื้อเรื่อง
“พอแค่นี้เถอะค่ะ”
ทุกอย่างยังเงียบต่างหากเสียงหัวใจที่ตึกตักจนกระทั่งฝ่ามืออุ่นกอบกุมฝ่ามือเย็นเฉียบจนหมาป่าสาวรู้สึกเอ็นดูผู้แก่กว่าตนที่กลับอ่อนหัดกับเรื่องราวในหนัง แต่ว่ารอยยิ้มปลอบประโลมค่อยๆเลือนหายจากใบหน้างดงามของหมาป่าเมื่อสายตาของอีกคนเอาแต่จดจ้องกันไม่ละไปไหนก่อนจะรู้สึกถึงกระชับราวกับเป็นคำร้องขอเพื่อต้องการที่จะฟังคำตอบอย่างที่ตัวเองต้องการเพียงเท่านั้น
“เธอไม่โหดร้ายและเป็นคนดีในแบบที่ฉันเข้าใจมาตั้งแต่แรก”
“……”
“เธอไม่ได้เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์เหมือนกับในนิทานหลอกเด็ก เธอจริงใจและไม่ได้กำลังหลอกใช้ฉันใช่มั้ย พัค จียอน”
TBC.
ปมยังมีอีกเยอะจะค่อยๆคลายทีละขั้นตอนแรกกะแค่ 10 ตอนแต่ดูแล้วน่าจะมากกว่านั้น
และแนวนี้มันไม่ค่อยถนัดเลยเขียนยากไปหน่อย -…-
ไม่หายค่ะ แค่มาช้า ฝากติดตามด้วยนะคะ